
เอกนิติเร่งสรุปแพ็กเกจฟื้นเศรษฐกิจหลังน้ำท่วม เตรียมชง ครม. สัปดาห์หน้า เดินหน้าออกแบบ “คนละครึ่งพลัส” ฉบับเฉพาะพื้นที่รุนแรง
รัฐบาลเร่งเดินหน้ามาตรการฟื้นเศรษฐกิจหลังอุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคใต้ โดยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงาน Win Big Together “พลังแห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ที่เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ณ ห้อง NT Auditorium อาคาร 9 ชั้น 2 บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติใช้งบกลางเยียวยาครัวเรือนผู้ประสบภัย ครอบครัวละ 9,000 บาทแล้ว แต่ย้ำว่านี่เป็นเพียงการดูแลเบื้องต้น ขณะที่ภารกิจหลักคือการทำให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตและทำมาหากินได้ตามปกติให้เร็วที่สุด ท่ามกลางความเสียหายด้านเศรษฐกิจที่แม้จำกัดในบางพื้นที่ แต่ส่งผลชัดเจนต่อความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมาก
ในขณะเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังจัดทำแพ็กเกจฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจหลังน้ำลด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียด ทั้งโครงสร้างงบประมาณและรูปแบบมาตรการ โดยรัฐบาลตั้งเป้าเสนอให้ ครม. พิจารณาได้ภายในสัปดาห์หน้า ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคงและกระทรวงมหาดไทยยังคงเร่งภารกิจช่วยชีวิตและดูแลผู้ประสบภัยในพื้นที่วิกฤตอย่างต่อเนื่อง
นายเอกนิติระบุว่า แพ็กเกจเศรษฐกิจที่กำลังออกแบบจะครอบคลุมมาตรการหลากหลายด้าน โดยหนึ่งในแนวทางสำคัญคือโครงการลักษณะเดียวกับ “คนละครึ่งพลัส” ที่จะมุ่งช่วยเหลือเฉพาะจังหวัดที่ได้รับผลกระทบหนักจากน้ำท่วม เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นกลับมาคึกคัก การจับจ่ายฟื้นตัว และผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้หมุนเวียนเร็วขึ้น
รมว. คลังระบุว่า โครงการลักษณะนี้จะช่วยประคับประคองผู้คนในช่วงฟื้นตัวหลังวิกฤต โดยขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างออกแบบเงื่อนไขและกลไกใช้งานให้เหมาะสมพร้อมทั้งพิจารณาวงเงินรวมของมาตรการ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปและนำเสนอ ครม. ในวันอังคารหน้า
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อช่วยผู้ประสบภัยและผู้ประกอบการในพื้นที่ ได้แก่ การพักชำระหนี้ การปรับลดดอกเบี้ย และการจัดทำสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนหรือฟื้นฟูธุรกิจ รวมถึงการขยายเวลายื่นภาษี เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาปรับตัวและรักษาสภาพคล่องในช่วงหลังน้ำลด
นายเอกนิติย้ำว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอแพ็กเกจช่วยเหลือเอสเอ็มอีเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า โดยมีโครงการค้ำประกันสินเชื่อร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมประสานงานกับสมาคมธนาคารไทยเพื่อให้มาตรการเดินหน้าอย่างรวดเร็ว
แหล่งเงินสำคัญที่จะนำมาใช้คือวงเงินที่เหลือจากโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งยังคงมีอยู่ราว 15,000 ล้านบาท และจะถูกนำไปใช้ค้ำประกันสินเชื่อให้เอสเอ็มอีที่ต้องการทุนฟื้นฟูกิจการหลังเผชิญน้ำท่วม ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังเตรียมเร่งกระบวนการคืนภาษีให้เอสเอ็มอีโดยเร็วเพื่อลดภาระและเพิ่มสภาพคล่องทันที
นอกจากนี้ บีโอไอยังมีมาตรการเสริมด้วยเงินสนับสนุนแบบให้เปล่าไม่เกินรายละ 100 ล้านบาท เพื่อช่วยผู้ประกอบการปรับปรุงระบบการผลิตและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ โดยใช้เงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ เพื่อให้ธุรกิจไทยสามารถยืนได้อย่างแข็งแรงในระยะยาวหลังผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้