รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล กำลังเร่งผลักดันโครงการ “คนละครึ่ง” ให้กลับมาอีกครั้งในฐานะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน หลังจากเคยสร้างผลงานชัดเจนในการเพิ่มกำลังซื้อและบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยครั้งนี้กระทรวงการคลังยืนยันความพร้อมเต็มที่ ทั้งด้านงบประมาณที่เตรียมไว้ ระบบเทคโนโลยีการชำระเงินที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว และความเหมาะสมต่อสภาพเศรษฐกิจ หากรัฐบาลตัดสินใจเดินหน้า โครงการสามารถเริ่มต้นได้ทันทีโดยไม่ติดขัด
ล่าสุดในวันนี้ (9 ก.ย. 68) นายอนุทินเปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงแนวทางโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิม โดยอ้างอิงจากข้อเสนอของนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ได้หารือกันเมื่อคืนวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา ข้อเสนอดังกล่าวคือการจัดสิทธิในรูปแบบใหม่สำหรับผู้เสียภาษี โดยจะได้สิทธิร่วมจ่ายในอัตรา 60:40 แทนที่จะเป็น 50:50 เช่นที่ผ่านมา เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ขณะที่ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษียังคงได้รับสิทธิในอัตรา 50:50 เหมือนเดิม
นายอนุทินยืนยันว่าตนเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาและกลั่นกรองต่อ โดยย้ำว่าต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และไม่กระทบต่อวินัยการเงินการคลัง พร้อมย้ำด้วยว่า การดำเนินนโนบายคนละครึ่งในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการ “ก็อปปี้นโยบาย” ของพรรคการเมืองใด แต่พร้อมสานต่อสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ริเริ่มมาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณและยังดำเนินอยู่จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งโครงการคนละครึ่งที่ริเริ่มในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งในขณะนั้นตนเองก็เคยสนับสนุนเต็มที่เช่นกัน
“ประชาชนได้ประโยชน์ เราก็พร้อมทำต่อ ไม่ว่าจะมาจากรัฐบาลใดก็ตาม” นายอนุทินกล่าว พร้อมเสริมว่า “กระเป๋ายังมีเหมือนเดิม” เพื่อสื่อว่ารัฐบาลมีงบประมาณรองรับเพียงพอสำหรับการดำเนินการรอบใหม่
สำหรับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการยังคงเดิม โดยต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชน และมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ณ วันเปิดลงทะเบียน เงื่อนไขนี้สะท้อนถึงการคงความเสมอภาคในการเข้าถึงสิทธิ ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มแรงจูงใจด้านการเสียภาษีเชื่อมโยงเข้ากับระบบการคลังของรัฐในมิติใหม่ที่รัฐบาลพยายามสร้างขึ้นในการเดินหน้าโครงการครั้งนี้
ด้านความพร้อมในการดำเนินงาน นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 กันยายนว่า หากรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน กระทรวงการคลังพร้อมเดินหน้าโครงการคนละครึ่งเฟสใหม่ได้ทันที โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถเริ่มโครงการได้ภายในเดือนตุลาคม 2568 งบประมาณที่ใช้มาจากการจัดสรรงบกลางปี 2569 ซึ่งมีวงเงิน 25,000 ล้านบาทสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง เงินก้อนนี้สามารถนำมาสนับสนุนโครงการคนละครึ่งได้ทันทีโดยไม่กระทบเสถียรภาพการคลัง
นอกจากงบประมาณแล้ว ระบบเทคโนโลยีที่ใช้ในการดำเนินโครงการก็มีความพร้อมเต็มที่ เนื่องจากเคยดำเนินมาแล้วถึง 5 รอบผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สำหรับประชาชน และ “ถุงเงิน” สำหรับร้านค้า ระบบทั้งสองสามารถนำกลับมาใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องพัฒนาเพิ่มเติม แม้ว่าในช่วงที่โครงการหยุดไป ร้านค้าที่เคยเข้าร่วมกว่า 1 ล้านรายอาจมีบางส่วนถอนตัวออกจากระบบ แต่กระทรวงการคลังได้เตรียมแผนให้ร้านที่ยังอยู่ในระบบกลับมาใช้งานได้ทันที พร้อมเปิดรับสมัครร้านค้าใหม่ควบคู่กัน เพื่อให้โครงการครอบคลุมและราบรื่นที่สุด
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังระบุว่า การนำโครงการคนละครึ่งกลับมาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในหลายด้าน ไม่เพียงช่วยลดภาระค่าครองชีพ แต่ยังเพิ่มกำลังซื้อ กระตุ้นยอดขายร้านค้า และขยายผลสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะสะท้อนเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม หากนโยบายได้รับความชัดเจนตามที่กำหนด กระบวนการเตรียมการทั้งหมดคาดว่าจะใช้เวลาเพียง 30 ถึง 45 วัน ก่อนที่โครงการจะเริ่มดำเนินการจริงในเดือนตุลาคม และทันต่อเป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี
โครงการคนละครึ่งจึงถูกมองว่าเป็นมาตรการที่ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือประชาชนในทันที แต่ยังสะท้อนเจตนารมณ์ของรัฐบาลอนุทินที่จะสร้างสมดุลระหว่างการรักษาวินัยการคลังและการสร้างแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงในปี 2568 และต่อเนื่องไปในปี 2569