เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 เหรียญบิตคอยน์ (BTC) สร้างสถิติราคาสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ (All Time High) ด้วยราคา 1 BTC = 110,998.52 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่จากระดับสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่เมื่อเดือนมกราคม 2568
จากข้อมูลจากเว็บไซต์ coinmarketcap.com ส่วนบนกระดานไทย บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์ ราคาล่าสุด ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 BTC อยู่ที่ 3,605,714.19 บาท โดยราคา Bitcoin (BTC) ใน 24 ชั่วโมงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.22% มีราคาสูงสุดอยู่ที่ 3,620,000.00 บาท และมีราคาต่ำสุด ที่ 3,466,230.01 บาท (อ้างอิงราคา BTC จาก https://www.bitkub.com/th/market/btc)
การที่ราคาเพิ่มขึ้นนี้ทำให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 17.5% ในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 47% นับตั้งแต่ร่วงลงมาที่ 75,000 ดอลลาร์ในวันที่ 7 เมษายน 2568 ซึ่งเกิดจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ที่ทำให้ตลาดทั่วโลกตกต่ำ
บริษัท ผู้จัดการเงินทุน เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ได้วิเคราะห์ปัจจัยหนุน ที่ทำให้วันนี้วันนี้ราคา Bitcoin ยืนเหนือระดับ 110,000 ดอลลาร์ เนื่องจาก
1.เม็ดเงินสถาบันไหลเข้าผ่าน ETFs เฉลี่ยมากกว่าวันละ 300 ล้านดอลลาร์ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.บริษัท Strategy ที่ประกาศซื้อบิตคอยน์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
3.ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลดลง หลังจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีมีความต้องการต่ำกว่าคาด และเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เราเห็นทิศทางการไหลของเงินนั้นออกจากหุ้น ออกจากพันธบัตร แต่ไม่เข้าดอลลาร์ที่เคยเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe heaven) และทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า สะท้อนถึงตลาด “ไม่ Buy idea” อีกต่อไปกับการที่สหรัฐจะกู้ไม่จำกัด และทำนโยบายขาดดุลคู่ (Twin deficits) ส่งผลให้เม็ดเงินไหลไปสู่สินทรัพย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ทองคำ และ บิตคอยน์
และการปรับตัวขึ้นรอบนี้ Bull run หรือ Altseason จะมาหรือยัง คงเป็นคำถามที่นักลงทุนหลายคนตั้งคำถาม ซึ่งคำตอบคือ “มีความเป็นไปได้สูง” ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของ Altseason จากเหตุผล
1.โครงสร้างการปรับตัวขึ้นของตลาดรอบนี้ คือการที่ราคา BTC ปรับตัวขึ้น พร้อมกับ BTC dominance (สัดส่วน BTC หารด้วยมูลค่าตลาดคริปโทฯ ทั้งหมด) ปรับตัวลง ซึ่งแพทเทิร์นดังกล่าวมักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง Altseason
2.มีกลุ่มเม็ดเงินใหม่ ที่พร้อมเข้ามาซื้อ BTC เพิ่ม โดยเริ่มเห็นบริษัทมหาชน เช่น บริษัท Cantor Equity Partners ที่จดทะเบียนอยู่บน Nasdaq ใช้กลยุทธ์การซื้อ BTC คล้ายบริษัท Strategy โดยการออกตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และเพิ่มทุนมาซื้อ BTC เพื่อดันราคาหุ้น ซึ่งหากโมเดลนี้เวิร์คจริง คาดว่าจะมีหลายบริษัทมหาชนทำตาม ซึ่งจะเป็นผลดีต่อราคา BTC ในช่วงเริ่มต้น แต่ต้องเฝ้าระวังในระยะถัดไป
3.การใกล้ผ่านร่างกฎหมาย Stablecoin bill ของทางสหรัฐฯ ซึ่งหากกฎหมายประกาศใช้จริงจะส่งผลให้เหล่าธนาคาร หรือ บริษัทเอกชนแห่มาทำ Stablecoin ของตัวเองมากขึ้น เพราะทุกคนรู้เป็นธุรกิจเสือนอนกินและได้กำไรมหาศาล ซึ่งจะส่งผลให้ในเครือข่ายบล็อกเชนมีการอัดฉีด Stablecoin เข้าไปเพิ่มขึ้นคล้ายกับการ QE ในโลกคริปโทฯ และกลุ่มบล็อกเชน รวมถึง DeFi ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Tokenization และการ Optimizing yield จะเป็นผู้ได้ประโยชน์ และทำให้เม็ดเงินเริ่มไหลไปสู่เหรียญ Altcoin ดังกล่าวเพิ่มขึ้นและมีโอกาสเป็นจุดเริ่มต้นของ Altseason ได้
นอกจากนี้ สำนักข่าว Cointelegraph ยังได้เปิดเผยว่าจุดสูงสุดใหม่ของ Bitcoin เกิดขึ้นในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปีที่อ่อนแอ ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้นในวันที่ 21 พฤษภาคม แต่ทางด้าน S&P 500 ลดลง 80 จุดในครึ่งชั่วโมง ในขณะที่ Nasdaq และ Dow Jones ก็เคลื่อนไหวตาม โดยดัชนีสหรัฐฯ ทั้งหมดซื้อขายลดลงในวันนั้น
จุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ของ Bitcoin เกิดขึ้นในขณะที่กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ (ETF) มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิ 3,600 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นสัญญาณของความสนใจของนักลงทุนที่ฟื้นคืนมา
ร่วมถึงบริษัทที่มีการสะสมบิตคอยน์หลายแห่ง รวมถึง Strategy และบริษัทที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ Twenty One Capital ได้เพิ่มการซื้อขาย ทำให้ BTC ขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่
หมายเหตุ : คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
อ้างอิง bitkub, บริษัท ผู้จัดการเงินทุน เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด