ดร. พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล. ผู้อำนวยกำรศูนย์วิจัยทองคำ (Gold Research Center) ให้ข้อมูลกับทีมข่าว "SPOTLIGHT" ว่า ในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้มีมุมมองเป็น 2 กรณี
หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง 0.75% จะเป็นปัจจัยกดดันต่อภาพรวมการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก รวมถึงกระทบ "ราคาทองคำ" ให้มีความเสี่ยงจะปรับลดลงไปที่ระดับ 1,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือลดลงไปที่ 29,500 บาทต่อบาททองคำ โดยจะเป็นระดับราคาที่ทำจุดต่ำสุดในรอบประมาณ 1 ปี
ทั้งนี้ เนื่องจากจะมีแรงขายทองคำของนักลงทุนลงออกมา เพื่อย้ายเงินลงทุนออกไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นดอลลาร์ ซึ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่สูง
หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% กรณีนี้มีมุมมองว่า "มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นมากกว่า" กรณีที่จะขึ้นดอกเบี้ยแรงที่ 0.75% โดยหากเป็นไปในรูปการณ์นี้ ประเมินว่าจะเห็นแรงซื้อของนักลงทุนกลับเข้ามาในทองคำ จึงมีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำดีดกลับมาที่ระดับ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 30,500 บาทต่อบาททองคำ
ทั้งนี้ เนื่องจากราคาทองคำที่ลงไประดับปัจจุบันที่ประมาณ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 30,000 บาทต่อบาททองคำ ถือว่าได้รับรู้ข้อมูลที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแรงที่ 0.75% ไปพอสมควรแล้ว
ขณะที่หลังการประชุมในคืนนี้ (14-15 มิ.ย.) เฟดจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) อีก 4 ครั้ง ซึ่งวิเคราะห์ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.50%
ดังนั้นจะส่งผลให้สิ้นปี 2565 ดอกเบี้ยของสหรัฐจะขยับขึ้นไปถึงระดับ 2.25-2.50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.75-1% โดยเฟดมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องมือดอกเบี้ยมาแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดเงินเฟ้อสหรัฐในเดือน พ.ค.ปีนี้ ขยับขึ้นไปแตะ 8.6% หรือสูงสุดในรอบ 40 ปี
คำแนะนำการลงทุน ให้เก็งกำไรซื้อขายทองคำ "แบบระยะสั้น" เนื่องจากภาพรวมการลงทุนของสินทรัพย์ทั่วโลกยังเป็นช่วงขาลง โดยให้ติดตามข้อมูลผลประชุมของเฟดในคืนนี้อย่างใกล้ชิด
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หลังจากเมื่อวานนี้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีก 10.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังคงมีแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินที่กำลังจะเสร็จสิ้นลงในช่วงกลางดึกของคืนวันนี้การคาดการณ์ดังกล่าว สะท้อนจาก FedWatch Tool ของ CME Group ที่บ่งชี้ว่า
ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. 2565 เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนักเพียง 5% การคาดการณ์ดังกล่าว
ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อ และแตะระดับสูงสุดที่ 105.65 ซึ่งเป็น ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ธ.ค. 2545 สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ครั้งใหม่ที่ 1,804.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นอกจากนี้ราคาทองคำยังมีปัจจัยลบกดดันจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ค.ปรับตัวขึ้น 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยฟื้นตัวขึ้นจากเดือนเม.ย.ที่ร่วงลง 2.9% และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมจะลดลง 0.7% ในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.ของเกาหลีใต้อยู่ที่ระดับ 28.49 ล้านตำแหน่ง เพิ่มขึ้น 935,000 ต าแหน่งเมื่อเทียบเป็นรายปีทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันยาวนานถึง 15 เดือน เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว
สำหรับคืนนี้แนะนำให้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ จะเปิดเผยยอดค้าปลีก เดือนพ.ค.,ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index),ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย. ปีนี้ รวมถึงจับตารายงานผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดยในเวลาตี 1 และแถลงการณ์ของประธานเฟดในเวลาตี 1 ครึ่ง