Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
กกร. หั่น GDP ปี 68 โตแค่ 1.8% เสนอ Reinvent Thailand กู้ความเชื่อมั่น
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

กกร. หั่น GDP ปี 68 โตแค่ 1.8% เสนอ Reinvent Thailand กู้ความเชื่อมั่น

3 ก.ย. 68
14:35 น.
แชร์

Highlight

ไฮไลต์

สรุปสถานการณ์เศรษฐกิจและแผน "Reinvent Thailand"

  • ปรับลด GDP: กกร. ปรับลดประมาณการ GDP ปี 2568 เหลือเติบโตเพียง 1.8% - 2.2% สะท้อนภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัวรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้
  • อาการเศรษฐกิจน่าห่วง:ว่างงานพุ่ง: อัตราว่างงานในระบบอยู่ที่ 2.07% และมี "ผู้เสมือนว่างงาน" สูงถึง 2.1 ล้านคนSMEs วิกฤต: ผู้ประกอบการรายย่อยขาดสภาพคล่องอย่างหนัก และหนี้เสีย (NPLs) เพิ่มสูงขึ้นเครื่องยนต์เศรษฐกิจอ่อนแรง: ทั้งภาคท่องเที่ยว, ก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์ และเกษตรต่างชะลอตัวพร้อมกัน
  • ปัจจัยลบซ้ำเติม:การเมืองไม่นิ่ง: สร้างความไม่แน่นอน ฉุดรั้งความเชื่อมั่น และเสี่ยงกระทบการเบิกจ่ายงบประมาณบาทแข็งผิดปกติ: ค่าเงินบาทแข็งค่าสวนทางกับพื้นฐานเศรษฐกิจที่อ่อนแอ จากปัจจัยราคาทองคำและสินทรัพย์ดิจิทัล
  • เปิดตัวแผนปฏิรูปใหญ่:"Reinvent Thailand": กกร. จับมือ ธปท., สภาพัฒน์ฯ และ สศค. ตั้งแพลตฟอร์มเพื่อปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งสำคัญเอกชนนำ-รัฐหนุน: เป็นการปฏิรูปที่ขับเคลื่อนโดยภาคเอกชน ทำงานบนฐานข้อมูล และทุกฝ่ายมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
  • ข้อเสนอเร่งด่วนถึงรัฐบาล:ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 50% ในปี 2569 เพื่อลดภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการผลักดัน "ค่าจ้างตามทักษะฝีมือ" แทนการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศ เพื่อสร้างแรงจูงใจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

กกร. ปรับลด GDP ปี 68 เหลือโตแค่ 1.8%
เปิดแผน ผ่าตัดโครงสร้างประเทศ กู้ความเชื่อมั่น

กรุงเทพมหานคร, 3 กันยายน 2568 – ภาคเอกชนส่งสัญญาณเตือนภัยทางเศรษฐกิจ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ประกาศปรับลดประมาณการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ประจำปี 2568 ลงอย่างมีนัยสำคัญ มาอยู่ในกรอบเพียง 1.8% - 2.2% ซึ่งเป็นการปรับลดลงต่อเนื่องหลายเดือนติดต่อกัน สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ท่ามกลางปัจจัยลบที่ถาโถมเข้ามาจากทั้งภายนอกและภายในประเทศ

ในการแถลงข่าวครั้งสำคัญนี้ กกร. ไม่เพียงแต่ฉายภาพความเปราะบางของเศรษฐกิจ แต่ยังได้ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์กับ 3 หน่วยงานเศรษฐกิจหลักของภาครัฐ ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อจัดตั้งแพลตฟอร์ม "Reinvent Thailand – A Platform for Sustainable Policy Execution" ซึ่งถูกวางให้เป็น "พิมพ์เขียว" สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง เพื่อรับมือกับวิกฤตและวางรากฐานการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

เจาะลึกอาการ "คนป่วย" เศรษฐกิจไทย: ชะลอตัว-ว่างงานพุ่ง-SMEs วิกฤต

ตัวเลขที่ กกร. นำมาแสดงให้เห็นถึง "อาการป่วย" ที่น่ากังวลของเศรษฐกิจไทย โดย GDP ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ขยายตัวได้เพียง 2.8% ลดลงจาก 3.2% ในไตรมาสแรก บ่งชี้ถึงโมเมนตัมการเติบโตที่แผ่วลงอย่างชัดเจนในทุกภาคส่วน

ปัญหาได้ลุกลามมาถึงตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกำลังซื้อในประเทศ อัตราการว่างงานในระบบขยับสูงขึ้นเป็น 2.07% แต่ที่น่ากังวลกว่านั้นคือตัวเลข "ผู้เสมือนว่างงาน" หรือผู้ที่ทำงานไม่เต็มเวลาและมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ซึ่งพุ่งสูงถึง 2.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 5% จากปีก่อนหน้า ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความเดือดร้อนของประชาชนในระดับฐานรากที่กำลังเผชิญกับภาวะรายได้ลดลงสวนทางกับค่าครองชีพ

เมื่อพิจารณาในรายสาขาเศรษฐกิจ พบว่าเครื่องยนต์ขับเคลื่อนหลักต่างพร้อมใจกันอ่อนแรงลง:

  • ภาคการท่องเที่ยว: แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะฟื้นตัว แต่การใช้จ่ายต่อหัวยังไม่กลับสู่ระดับปกติ และยังคงมีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจโลก
  • ภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์: ได้รับผลกระทบโดยตรงจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและกำลังซื้อที่ถดถอย ทำให้โครงการใหม่ๆ ชะลอตัว
  • ภาคเกษตร: ยังคงเผชิญกับปัญหาภัยแล้งและต้นทุนการผลิตที่สูง

ผลกระทบที่รุนแรงที่สุดตกอยู่ที่กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก (สินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท) กำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก เห็นได้จากยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) หรือหนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจนำไปสู่การปิดกิจการเป็นวงกว้าง

มรสุมลูกใหม่: การเมืองไม่นิ่ง-บาทแข็ง ฉุดรั้งความเชื่อมั่น

กกร. คาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีจะยิ่งเลวร้ายลง โดยอาจขยายตัวได้เพียงราว 1% เท่านั้น ปัจจัยสำคัญที่กดดันทวีความรุนแรงขึ้นคือ "ความไม่แน่นอนทางการเมือง" ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่อาจล่าช้า ทำให้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจหายไปจากระบบ และที่สำคัญคือการบั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในการตัดสินใจลงทุนโครงการใหม่ๆ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้เพิ่มความเสี่ยงที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศอาจ "ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ" (Credit Rating) ของประเทศไทยลง ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของทั้งภาครัฐและเอกชนสูงขึ้นในอนาคต

อีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความฉงนและกังวลใจให้แก่ภาคเอกชนคือ "ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง" ซึ่งเป็นการแข็งค่าที่สวนทางกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงอย่างสิ้นเชิง

ผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธาน กกร. ชี้ว่า "การแข็งค่าของเงินบาทมีความสัมพันธ์กับการทะยานขึ้นของราคาทองคำ และธุรกรรมในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล มากกว่าจะสะท้อนความแข็งแกร่งของภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real Sector) นอกจากนี้ ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างการโอนเงินกลับประเทศของแรงงานต่างด้าวที่ไม่ผ่านช่องทางในระบบ ทำให้เกิดยอด "ความคลาดเคลื่อนทางสถิติ" (Errors & Omissions) ในดุลการชำระเงินสูงมากจนไม่สามารถจำแนกที่มาที่ไปได้ชัดเจนถึงกว่าครึ่งหนึ่งของยอดเกินดุลทั้งหมด สถานการณ์นี้ทำให้ผู้ดำเนินนโยบายขาดข้อมูลที่แม่นยำในการบริหารจัดการค่าเงิน"

ข้อเสนอเร่งด่วนถึงรัฐบาล และการปฏิรูปโครงสร้างค่าจ้าง

เพื่อเป็นการปฐมพยาบาลเศรษฐกิจในระยะสั้น กกร. ได้ยื่นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมถึงรัฐบาล 2 ข้อหลัก คือ:

  1. ลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลงอย่างน้อย 50% ในปี 2569: เพื่อลดภาระต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) ให้กับผู้ประกอบการโดยตรง ช่วยเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถประคองตัวต่อไปได้ และลดความเสี่ยงจากการปิดกิจการ
  2. ผลักดันการจ่าย "ค่าจ้างตามทักษะฝีมือ" (Pay by Skills): กกร. ย้ำว่าแนวทางนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในระยะยาวมากกว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นอัตราเดียวทั่วประเทศ เพราะจะสร้างแรงจูงใจให้แรงงานพัฒนาทักษะของตนเอง (Up-Skill & Re-Skill) และทำให้ผู้ประกอบการสามารถจ่ายค่าตอบแทนที่สูงขึ้นให้กับแรงงานที่มีผลิตภาพสูงได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยรวม


"Reinvent Thailand": พิมพ์เขียวผ่าตัดใหญ่...ทางรอดของเศรษฐกิจไทย

หัวใจสำคัญของการแถลงข่าวในครั้งนี้ คือการเปิดตัวแพลตฟอร์ม "Reinvent Thailand" ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของความร่วมมือเพื่อกำหนดอนาคตของประเทศ

เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "แพลตฟอร์มนี้เกิดจากการตระหนักร่วมกันของภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน ทั้งความเหลื่อมล้ำ, หนี้ครัวเรือนที่สูงเป็นประวัติการณ์, เศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่ และการสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน การแก้ปัญหาแบบเดิมๆ ไม่เพียงพออีกต่อไป เราจำเป็นต้องสร้างพิมพ์เขียวที่ทุกฝ่ายเป็นเจ้าของร่วมกัน"

หลักการสำคัญของ "Reinvent Thailand" คือ:

  • การขับเคลื่อนโดยภาคเอกชน (Private Sector-Led): ภาคเอกชนจะลุกขึ้นมาเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน โดยมีภาครัฐทำหน้าที่สนับสนุนและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย
  • การทำงานบนฐานข้อมูล (Data-Driven): ทุกนโยบายและข้อเสนอจะถูกวิเคราะห์และตัดสินใจบนฐานของข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ เพื่อให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด
  • การมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบร่วมกัน (Co-creation & Shared Responsibility): เปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมออกแบบ, ทดลอง, และติดตามประเมินผลนโยบาย เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม (Result Oriented)
  • การสร้างความต่อเนื่องของนโยบาย (Policy Continuity): แพลตฟอร์มนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น "เข็มทิศ" ระยะยาว ที่สามารถชี้นำทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "โครงการนำร่อง 2 เรื่องแรกที่จะผลักดันผ่านแพลตฟอร์มนี้ คือ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างครบวงจร และ การยกระดับขีดความสามารถของภาคเอกชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้และฟื้นฟูความหวังให้กับสังคมไทย"

การเคลื่อนไหวของ กกร. และพันธมิตรในครั้งนี้จึงนับเป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่สะท้อนว่าภาคเอกชนไม่พร้อมที่จะรออีกต่อไป และนี่คือจุดเริ่มต้นของความพยายามครั้งใหญ่ในการ "ปฏิรูป" ประเทศไทยให้หลุดพ้นจากกับดักของปัญหาเชิงโครงสร้าง และกลับมามีศักยภาพในการแข่งขันบนเวทีโลกอีกครั้ง



แชร์
กกร. หั่น GDP ปี 68 โตแค่ 1.8% เสนอ Reinvent Thailand กู้ความเชื่อมั่น