แบรนด์ระดับโลกย้ายฐานมาไทย ทั้ง พริงเกิลส์ และ Lotus Biscoff
ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งไทยถือเป็นฐานการผลิตที่ดี ทั้งภูมิรัฐศาสตร์ ต้นทุนการผลิต และโครงสร้างพื้นฐาน
คอนเทนต์แนะนำ
ล่าสุด ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้มีบริษัทระดับโลกหลายรายตัดสินใจขยายฐานผลิตมาที่ประเทศไทย เช่น บริษัท พริงเกิลส์ ผู้ผลิต มันฝรั่งแผ่นจากสหรัฐอเมริกา และบริษัท โลตัส บิสคอฟ ผู้ผลิตบิสกิตชื่อดังในแบรนด์ Lotus Biscoff สัญชาติเบลเยี่ยม
พริงเกิลส์ และ Lotus Biscoff ย้ายฐานมาไทย
ทั้ง 2 บริษัทระดับโลก อยู่ในหมวดอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูปป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ มีจำนวน 139 โครงการ เงินลงทุนรวม 51,270 ล้านบาท นอกจากการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการรายเดิมทั้งไทยและต่างชาติแล้ว
Automobile และ GAC AION เตรียมยื่นขอ BOI
นอกจากนี้ ยังมีผู้ผลิตรายใหญ่อีกหลายรายที่ได้ประกาศแผนการลงทุนในไทยแล้ว เช่น Changan Automobile และ GAC AION คาดว่าจะทยอยยื่นคำขอรับการส่งเสริมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
รถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วน และสถานีชาร์จไฟฟ้ายังลงทุนต่อเนื่อง
ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน 80 โครงการ เงินลงทุนรวม 19,600 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น ยางล้อ เพลาล้อ ชิ้นส่วนระบบส่งกำลังแบบ Hybrid และสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ EV
ที่ผ่านมามาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรม EV แบบครบวงจรของภาครัฐ ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นตลาดรถยนต์ EV และดึงดูดการลงทุนจากผู้ผลิตชั้นนำของโลก จนทำให้ไทยก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตหลักของยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน
โดยปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV ได้รับการส่งเสริมแล้ว 14 โครงการ เงินลงทุนรวม 33,970 ล้านบาท คิดเป็นกำลังการผลิต 276,640 คันต่อปี ประกอบด้วยผู้ผลิตชั้นนำ เช่น BYD, Great Wall Motor, SAIC (MG), Mercedes Benz และ Horizon Plus ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ Foxconn Technology Group จากไต้หวัน
อุตฯ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มย้ายฐานเพิ่ม
ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีคำขอรับการส่งเสริมจำนวน 106 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนสูงที่สุด กว่า 1.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยัง มีแนวโน้มขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องจากกระแสย้ายฐานการผลิตของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดความเสี่ยงจากสงครามการค้าและความขัดแย้งของขั้วมหาอำนาจ
รวมทั้ง ต้นทุนการผลิตในโลกตะวันตกที่สูงขึ้นมาก ประกอบกับนักลงทุนเชื่อมั่นในศักยภาพของไทย จึงเลือกขยายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ในกลุ่มแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) เซมิคอนดัคเตอร์ การทดสอบแผงวงจรรวมและ เวเฟอร์ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า เซลล์แสงอาทิตย์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
บีโอไอเผยยอดส่งเสริมลงทุน 6 เดือน กว่า 3.6 แสนล้าน
บีโอไอเผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนครึ่งปี 2566 เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน มูลค่ารวม 364,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมรวมทั้งสิ้น 891 โครงการ เพิ่มขึ้น 18% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป และยานยนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า เดินหน้าลงทุนไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วน และสถานีชาร์จไฟฟ้า
สำหรับคำขอรับการส่งเสริมในอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีจำนวน 464 โครงการ มูลค่ารวม 286,930 ล้านบาท คิดเป็น 79% ของมูลค่าขอรับการส่งเสริมทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ตามลำดับ
ธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าพลังงานทดแทนยังลงทุนต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังอีกกิจการหนึ่งที่มีผู้ยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวนมาก คือ กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า โดยมีจำนวน 195 โครงการ เงินลงทุน 26,207 ล้านบาท ในจำนวนนี้ เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ จำนวน 186 โครงการ เงินลงทุน 8,332 ล้านบาท
เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกฮอต!
โดยพื้นที่ การลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จำนวน 306 โครงการ เงินลงทุนรวม 171,470 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 47% ของการลงทุนทั้งหมด โดยจังหวัดที่มีการขอรับการส่งเสริมสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ตามลำดับ ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน รองลงมา คือ พื้นที่ภาคกลาง จำนวน 362 โครงการ เงินลงทุนรวม 75,190 ล้านบาท
6 เดือน FDI พุ่ง 141% จีนลงทุนมากสุด
สำหรับคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้
- มีจำนวน 507 โครงการ เพิ่มขึ้น 33%
- เงินลงทุน 304,041 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141%
- จีนเป็นประเทศที่มีมูลค่าเงินลงทุนมากที่สุด 61,500 ล้านบาท จาก 132 โครงการ ส่วนใหญ่ลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
- อันดับ 2 ได้แก่ สิงคโปร์ 73 โครงการ เงินลงทุน 59,112 ล้านบาท
- อันดับ 3 ได้แก่ ญี่ปุ่น 98 โครงการ เงินลงทุน 35,330 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่าเท่าตัวจากครึ่งแรกของปี 2565 ที่มีมูลค่า 16,793 ล้านบาท โดยมีโครงการขนาดใหญ่ในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์
“ การลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีทิศทางที่ดี การลงทุนจากต่างประเทศยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายสำคัญ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย ทั้งในด้านปัจจัยพื้นฐานและซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง รวมทั้งศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของไทย” นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
