ธุรกิจการตลาด

รู้จัก 'VinFast' ผู้ผลิต EV จากเวียดนามที่กำลังจะตีตลาดอาเซียน

30 พ.ค. 66
รู้จัก 'VinFast' ผู้ผลิต EV จากเวียดนามที่กำลังจะตีตลาดอาเซียน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในธุรกิจที่กำลังฮอตสำหรับทุนใหญ่ในตอนนี้ก็คือธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า เพราะในขณะที่รัฐบาลทั้งโลกกำลังเร่งให้เงินสนับสนุนการผลิตรถอีวี และสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยสะดวกในการใช้อีวี ยิ่งกระโดดลงเล่นในตลาดเร็วเท่าไหร่ก็จะมีโอกาสครองส่วนแบ่งตลาดที่กำลังโตนี้ได้มากเท่านั้น

โดยหากพูดถึงผู้ผลิตอีวีรายใหญ่ นอกจากเจ้าตลาดอย่างเทสลา (Tesla) ผู้ผลิตจีนอย่าง BYD และ GWM และผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมอื่นๆ ที่เร่งผลิตอีวีของตัวเองออกมาแล้ว หลายๆ คนอาจไม่รู้ว่าในประเทศอาเซียนใกล้บ้านเราก็มีผู้ผลิตรถยนต์รายหนึ่งกำลังเร่งเกาะเทรนด์นี้เช่นกัน 

นั่นก็คือ ‘วินฟาสต์’ VinFast ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเวียดนาม ที่เพิ่งประกาศเมื่อ 17 พ.ค. ที่ผ่านมาว่ามีความตั้งใจที่จะเจาะ ‘ตลาดอาเซียน’ โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และบรูไน ที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อและมีการนำอีวีเข้าไปใช้จนมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับเพียงพอแล้ว นอกจากนี้ยังมีข่าวว่ากำลังจะนำหุ้นเข้าเสนอขายในตลาด Nasdaq ในปีนี้ด้วย

ในบทความนี้ SPOTLIGHT จึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักผู้ผลิตอีวีรายนี้กันว่า มีความเป็นมาอย่างไร และในอนาคตมีแพลนจะดำเนินไปทิศทางใดบ้าง 

 

บริษัทผลิตอีวีของเครือบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

ถึงแม้จะเป็นธุรกิจลูกภายใต้เครือ VinGroup เครือบริษัทใหญ่มูลค่าสูงที่สุดในเวียดนาม ซึ่งมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้า ค้าปลีก เป็นธุรกิจหลัก ก่อนจะค่อยๆ ขยายออกมาทำธุรกิจด้านเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ และการผลิตรถยนต์อีวี 

ดังนั้น เมื่อเทียบกับ VinGroup ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1993 VinFast ที่เพิ่งก่อตั้งในปี 2017 จึงถือได้ว่าเป็นบริษัทลูกที่ยังเด็กมากของ VinGroup โดยในช่วงแรก VinFast ก็ยังเป็นบริษัทรถทั่วไปที่ผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือ ICE อยู่ แต่มีจุดเด่น คือ มีสินค้าหลักเป็น ‘รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า’ (electric scooter) ทำให้ VinFast มีประวัติทำธุรกิจยานพาหนะไฟฟ้ามาตั้งแต่เริ่มแล้ว

ในช่วงแรก VinFast ลงทุนเงินจำนวน 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อผลิตรถยนต์ ICE และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยได้ร่วมมือกับบุคลากรของบริษัทผลิตและออกแบบรถยนต์ชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Pininfarina, BMW, General Motors และ Magna Steyr เพื่อมาออกแบบรถให้กับ VinFast และมีการนำรถไปออกงานมอเตอร์โชว์ในต่างประเทศ ทำให้ VinFast เป็นบริษัทผู้ผลิตรถรายแรกของเวียดนามที่ออกไปตีตลาด และจำหน่ายรถให้กับลูกค้าต่างประเทศ

ภายหลังเริ่มธุรกิจได้ไม่นาน VinFast ก็เริ่มหันมาบุกธุรกิจผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว ในปี 2019 VinFast ประกาศว่า จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อป้อนตลาดสหรัฐฯ ภายในปี 2021 และเริ่มลงทุนกับการผลิตอีวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในปี 2021 ก็ผลิตและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัท คือ VF e34 ที่ผลิตจากโรงงานในเมืองไฮฟอง (Haiphong) ให้กับลูกค้าในเวียดนามได้สำเร็จ

vinfast 

มุ่งตีตลาดอีวีตะวันตก ก่อนหันกลับมาตลาดอาเซียน

ในช่วงแรก VinFast ประกาศอย่างชัดเจนว่า ต้องการตีตลาดตะวันตก โดยนอกจากจะออกมาประกาศว่าจะตีตลาดสหรัฐฯ แล้ว ในปี 2022 VinFast ยังได้ประกาศตั้งโรงงานอีวีใน Chatham County รัฐ North Carolina 

หลังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการสร้างโรงงานดังกล่าว เพื่อผลักดันให้ผู้ซื้อรถ VinFast ในสหรัฐฯ มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุน 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อรถอีวีที่ผลิตภายในประเทศ

ในปี 2022 VinFast ได้รับยอดสั่งซื้อรถถึง 65,000 คันทั่วโลก และตั้งเป้าจะผลิตและขายรถให้ได้ 750,000 คันต่อปีภายในปี 2026 นอกจากนี้ยังมีแพลนที่จะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้แก่ผู้ซื้อในสหรัฐฯ ภายในเดือนธันวาคมปี 2022

อย่างไรก็ตาม แผนในการขยายตลาดในสหรัฐฯ ของ VinFast ก็เป็นไปได้ไม่สวยนัก เพราะจากกำหนดการเดิมที่จะส่งมอบรถในเดือนธันวาคม ทุกอย่างก็ล่าช้ามาเป็นเดือนมีนาคม เนื่องจากภายหลังการนำเข้ารถที่ผลิตในเวียดนามมาแล้วกลับ พบว่า มีปัญหาด้านซอฟต์แวร์ทำให้ไม่สามารถส่งมอบรถได้หลายเดือน แถมเมื่อส่งมอบไปแล้วมีปัญหากับแบตเตอรี่ที่สามารถเก็บไฟและมีสมรรถนะต่ำกว่าที่ VinFast เคยโฆษณาไว้

ด้านการแข่งขันที่เริ่มสูงขึ้น VinFast เองยังต้องตัดราคารถในสหรัฐฯ อย่างหนัก เพื่อแข่งกับการลดราคาของ Tesla โดยได้ลดราคารถรุ่น VF8 ลงไปถึง 50% และลดราคาเช่าซื้อรถยนต์ลงเหลือเดือนละ 399 ดอลลาร์ จาก 599 ดอลลาร์สหรัฐ

นี่คงเป็นประเด็นที่ทำให้หลายๆ คน มองว่าการเข้าไปตีตลาดสหรัฐฯ ของ VinFast อาจกลายเป็นเรื่องลำบากและไม่สวยหรูอย่างที่คิดไว้ จากข้อจำกัดหลายๆ อย่าง ทำให้ VinFast เริ่มหันกลับมามองตลาดใกล้ๆ บ้านมากยิ่งขึ้น เช่น ประเทศอาเซียนที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังขยายอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน โดยตั้งเป้าที่จะทำกำไรให้ได้ภายในปี 2025 เพราะในปัจจุบันยังต้องอาศัยเงินลงทุนอัดฉีดจากบริษัทแม่อย่าง VinGroup อยู่

VinFast ประกาศหยุดผลิตรถยนต์ ICE ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 ทำให้ยอดขายรถยนต์ลดลง 32% จาก 31,000 คันในปี 2021 เหลือ 24,000 คันในปี 2022 โดยจากยอดขายดังกล่าว เป็นรถยนต์ไฟฟ้าไปทั้งหมด 7,400 คัน

VinFast ตั้งเป้าจะเพิ่มยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าให้ถึง 50,000 คันภายในปี 2023 นอกจากนี้ยังวางแผนยื่นคำร้องเข้าจดทะเบียนเพื่อเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ ในชื่อ ‘VFS’ เพื่อระดมทุนเพิ่มเติมมาทำธุรกิจ


ที่มา: VinGroup, CNBC, LMC Automotive, CB Insights, Electrek

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT