
การแข่งขันในตลาดร้านสุกี้เมืองไทยกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อกลุ่มเซ็นทรัลเข้าถือหุ้นลัคกี้สุกี้
บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CENTEL ถือหุ้น 100% เข้าลงทุนในบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด หรือ MP ซึ่งประกอบธุรกิจร้านอาหารประเภทสุกี้และบาร์บีคิวภายใต้แบรนด์ ลัคกี้สุกี้ (Lucky Suki) และลัคกี้บาร์บีคิว (Lucky BBQ)
CENTEL บอกเหตุผลการลงทุนไว้ในเอกสารว่า “CRG เล็งเห็นว่าธุรกิจร้านสุกี้ในรูปแบบบุฟเฟต์ยังเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและมีโอกาสในการเติบโตในอนาคต…”
รายละเอียดธุรกรรม คือ CRG ซื้อหุ้น MP จำนวนหุ้น 140,000 หุ้น ใช้เงินลงทุน 940 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40% ของหุ้นสามัญทั้งหมด 350,000 หุ้น โดยซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 35,000 หุ้น และซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ MP จำนวน 105,000 หุ้น ทั้งนี้ CRG จะดำเนินธุรกรรมการลงทุนและโอนหุ้นให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2568
การที่ยักษ์ใหญ่อย่างกลุ่มเซ็นทรัลเข้าลงทุนในลัคกี้สุกี้มีความหมายว่า ลัคกี้สุกี้ ซึ่งปัจจุบันตัวเล็กที่สุดในบรรดาสามแบรนด์ร้านสุกี้ที่มีชื่อเสียงและยอดขายสูงสุดในตลาด (ประกอบด้วย ‘เอ็มเค สุกี้’ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ และ ‘ลัคกี้สุกี้’) จะมีพลังฟัดเหวี่ยงแบบไม่เป็นรองคู่แข่งทั้งสองอีกต่อไป
หากวัดพลังกันก่อนหน้าดีลนี้ ลัคกี้สุกี้ยังจิ๋วมากๆ อาจมีสถานะเพียงคู่แข่งของโบนัส สุกี้ ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านสุกี้แบบบุฟเฟต์แบรนด์ใหม่ของกลุ่มเอ็มเคเท่านั้น ยังไม่อยู่ในระดับที่จะแข่งกับรุ่นใหญ่อย่างเอ็มเค สุกี้ และแบรนด์รุ่นพี่ที่โตไวอย่างสุกี้ตี๋น้อยได้
ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568 ร้านอาหารของ MP มีจำนวนสาขาที่เปิดดำเนินกิจการทั้งหมด 38 สาขา ประกอบด้วยร้านลัคกี้สุกี้ 27 สาขา และลัคกี้บาร์บีคิว 11 สาขา
ส่วนบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M มีร้านอาหารหลายแบรนด์ แต่ที่เป็นร้านสุกี้มี 4 แบรนด์ คือ เอ็มเค สุกี้, เอ็มเค โกลด์, เอ็มเค ไลฟ์ และโบนัสสุกี้ ณ ปีนี้ เอ็มเค สุกี้ มีจำนวนสาขา 437 สาขา และโบนัสสุกี้มี 12 สาขา ส่วนเอ็มเค โกลด์ ที่เป็นสุกี้พรีเมียม มี 5 สาขา และเอ็มเค ไลฟ์ เจาะกลุ่มลูกค้า Gen Y มี 4 สาขา
ขณะที่ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยที่เติบโตแบบติดจรวดในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาของแบรนด์สุกี้ตี๋น้อย 86 สาขา ตี๋น้อย บาร์บีคิว 7 สาขา และ ตี๋น้อย โกลด์ (บุฟเฟต์พรีเมียม) 1 สาขา
ตลาดร้านสุกี้ในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 25,000 ล้านบาท ซึ่งเอ็มเคครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 60% เมื่อเทียบรายได้และกำไรของทั้งสามบริษัทจะทำให้เห็นภาพมากขึ้น โดยแต่ละเจ้ามีรายได้และกำไรสุทธิ ดังนี้
บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด
บริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด
การเข้ามาของ CRG ซึ่งเป็นทุนใหญ่และมีประสบการณ์สูงในธุรกิจร้านอาหาร จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อลัคกี้สุกี้และต่อการแข่งขันในตลาด เป็นการยกระดับสงครามสุกี้ให้เดือดยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่จะได้เห็นในลัคกี้สุกี้ก็คือ ลัคกี้สุกี้จะเปลี่ยนจากคนที่ตัวเล็กที่สุดในสนามกลายเป็นคู่ต่อกรที่ไม่ด้อยกว่าใคร ไม่ว่าจะด้านเงินทุน หรือเครือข่าย
หลังดีลนี้ลัคกี้สุกี้จะมีศักยภาพในการขยายตัวเพิ่มขึ้นหลายเท่า อีกทั้งยังจะได้องค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีต่างๆ จาก CRG เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังที่ CENTEL บอกในเอกสารว่า “CRG จะสามารถใช้ความเชี่ยวชาญทางด้านการบริหารจัดการด้านธุรกิจอาหารและเทคโนโลยี และเครือข่ายพันธมิตรทางการค้าในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนให้ MP มีการเติบโตในด้านผลการดำเนินงานและการขยายธุรกิจให้ได้ตามเป้าหมายต่อไปในอนาคต”
การที่ CRG ลงทุนในลัคกี้สุกี้ช่วยทำลายความได้เปรียบ-เสียเปรียบทางด้านเงินทุนในสงครามสุกี้ไปแล้ว และจะเปลี่ยนสถานการณ์และโฟกัสในการแข่งขัน จากก่อนหน้านี้สุกี้ตี๋น้อยโฟกัสกับการเร่งสปีดเพื่อชิงความเป็นที่ 1 มาจากเอ็มเค สุกี้ โดยที่ลัคกี้สุกี้ยังเป็นแค่ผู้ตามมาไกลๆ ซึ่งสุกี้ตี๋น้อยไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะตามมาทัน สามารถโฟกัสไปที่การไล่ให้ทันเอ็มเคได้อย่างเต็มที่ แต่หลังจากนี้ สุกี้ตี๋น้อยที่มีเป้าหมายวิ่งไปข้างหน้ายังต้องหันมาพะวงข้างหลังด้วย เพราะลัคกี้กำลังขี่จรวดตามมาแย่งชิงความเป็นที่ 1 อีกราย
สำหรับเอ็มเค สุกี้ พี่ใหญ่ที่เป็นเจ้าตลาดเดิม ที่ก่อนหน้านี้ต้องเหนื่อยกับการโดนสุกี้ตี๋น้อยไล่แย่งชิงตลาดก็จะเหนื่อยยิ่งขึ้น เพราะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ยังไม่นับว่าในอนาคตอาจจะมีแบรนด์ใหม่ไฟแรงตามมาอีก แต่ถึงอย่างนั้น ฝั่งเอ็มเคก็ยังมีทางเลือกที่จะเติมพลังให้แบรนด์เล็กอย่างโบนัส สุกี้ ลงแข่งในสนามนี้แทนแบรนด์แม่ได้อีกด้วย คงต้องรอติดตามกันต่อไปว่าเอ็มเคจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์สู้สงครามนี้อย่างไร
ในท้ายที่สุด หากวันหนึ่งเอ็มเคเสียส่วนแบ่งตลาดไปมากจนต้องลงจากบัลลังก์เบอร์ 1 จริงๆ แบรนด์ที่ได้ขึ้นไปแทนอาจไม่ใช่ตี๋น้อยที่วิ่งไล่กวดมาหลายปี แต่เป็นลัคกี้ที่ติดสปีดมาทีหลัง หรืออาจจะเป็นแบรนด์อื่นที่เติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากนี้
การแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดและตำแหน่งเบอร์ 1 น่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเห็นว่าใครคือผู้ชนะ
แต่ที่คาดว่าจะได้เห็นแน่ๆ ในระยะใกล้นี้ คือ การเร่งเกมรุกขยายสาขาของลัคกี้สุกี้และสุกี้ตี๋น้อย และการฟาดฟันกันด้วยสงครามราคาและโปรโมชันของทั้งสามแบรนด์ ที่คาดว่าน่าจะดุเดือดยิ่งกว่าสงครามระหว่างเอ็มเคกับสุกี้ตี๋น้อยในช่วงที่ผ่านมา