หากจะพูดถึงเทรนด์หรือกระแสในช่วงนี้หนีไม่พ้น “คนโสด ให้ใส่เสื้อ All Black เพื่อไปหาคู่ที่ Run Club”
สำหรับใครที่ไม่ได้เป็นสายออกกำลังกายโหด อาจจะตกใจว่าการหาคู่ทั้งที ต้องไปออกไปวิ่งเลยหรอ แต่เชื่อเถอะจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนเคยได้ไปจอยกลุ่ม Run Club คุณไม่จำเป็นต้องวิ่งเยอะ สามารถวิ่งแบบ short run ได้ เพราะสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือกิจกรรมหลังวิ่งเสร็จ
และหากใครไม่เคยไปจอย Run Club และยังนึกภาพไม่ออก อยากบอกว่าคุณจะได้เจอ good energy vibe ทุกคนเฟรนด์ลี่มาก จะมีคนชมว่าคุณว่ารองเท้าสวย, มาวิ่งครั้งแรกหรอ, ชวนไปกินกาแฟหรือกินข้าวหลังจบงาน เหมือนกับที่เขาบอกกันว่า การมา Run Club มันคือ Speed Chatting มันคือ Speed Dating ในการที่จะเปิดโอกาสให้เราได้รู้จักใครสักคน
อาจกล่าวได้เลยว่าตอนนี้ หมดยุค แอปหาคู่ หมดยุค เมาหัวราน้ำ เพราะตอนนี้ สายสุขภาพกำลังมา เรียกได้ว่าสำหรับวัยรุ่นยุคใหม่ นี่คือกิจกรรมที่คุณไม่ควรพลาด และสำหรับแบรนด์นี่ก็คือโอกาสที่คุณสามารถสร้าง Brand Love ได้อย่างอยู่หมัด
ว่ากันว่าสมัยนี้ หากแบรนด์จะทำให้ผู้บริโภครัก ต้องไม่ hard sell ต้องไม่ตะโกนว่าขาย หรือ ต้องไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัดจนเกินไป เช่นเดียวกันกับ กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่หากเขารักแบรนด์ไหน แบรนด์นั้นต้องให้ value อะไรมากกว่าแค่สินค้าหรือบริการ
บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาทุกคนไปรู้จักกับ HOKA แบรนด์รองเท้าน้องใหม่สัญชาติฝรั่งเศส ที่ได้ทำการตลาดอย่างน่าสนใจจากค่อยๆสร้างคอมมูนิตี้ให้นักวิ่ง สู่ Brand Love ของกลุ่ม Run Club และทีม SPOTLIGHT ได้มีโอกาสพูดคุยสุด exclusive กับ คุณเพ็ญพรรณี ฤทธิกาญจน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาดแบรนด์โฮก้า
HOKA แบรนด์รองเท้าสัญชาติฝรั่งเศส ที่ถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อปี 2009 หรือเมื่อ 16 ปีที่แล้ว โดย 2 คู่หูนักวิ่ง Trail สัญชาติฝรั่งเศส Jean-Luc Diard และ Nicolas Mermoud
และด้วยความที่ทั้ง 2 เป็นนักวิ่งที่ชอบผจญภัยในเส้นทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะลุยป่า ขึ้นภูเขา ฝ่าดงหญ้า หรือน้ำตก เลยต้องการรองเท้าที่พร้อมซัพพอร์ทอุ้งเท้าในทุกกิจกรรม แต่พบว่าตอนนั้นในตลาดยังไม่มีแบรนด์ไหนที่ออกมาตรงใจพวกเขาเลย นั้นก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ HOKA
จุดเด่นของแบรนด์และกลายเป็น DNA หลักคือ รองเท้าพื้นหนา ใหญ่กว่าตัวเท้าเนื่องจากต้องการซัปพอร์ตอุ้งเท้าเป็นหลักเพื่อเหมาะแก่การเดินทางไกล แต่ต้องมีน้ำหนักเบา
แต่ด้วยดีไซน์ที่ดูแปลกตากว่าแบรนด์อื่นๆในท้องตลาด ทั้งดูหนา ใหญ่ เทอะทะ ไม่เหมือนกับที่แบรนด์อื่นๆเน้นรูปทรงบางเป็นหลัก เลยทำให้ HOKA โดนบูลลี่ในช่วงแรกๆ ทั้งมองว่าน่าเกลียดและรูปทรงตลก หรือพูดง่ายๆก็คือไม่คูล เลยไม่ได้เป็นที่สนใจในหมู่นักวิ่งและสายแฟชั่น
แต่พอนักวิ่งได้ลองรองเท้า HOKA ผลปรากฎว่าแม้เป็นรองเท้าที่หนา แต่กลับซัปพอร์ตอุ้งเท้าได้ดี และที่สำคัญไม่บาดเจ็บจากการวิ่งระยะทางไกล
หลังจากนั้นไม่นาน HOKA ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่นักวิ่ง Trial สายลุย นั้นเลยทำให้ บริษัทรองเท้าสัญชาติอเมริกัน Deckers Outdoor Corporation ตัดสินใจเข้ามาซื้อกิจการด้วยมูลค่ากว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากช่องว่างทางการตลาดที่อาจเติบโตได้อีกในอนาคต แต่ยังคงรักษา DNA ของแบรนด์ไว้ ที่รองเท้าวิ่งที่ดีควรจะต้องซัปพอร์ตเท้า หนานุ่ม และที่สำคัญต้องไม่บาดเจ็บขณะออกกำลังกาย
สิ่งที่น่าสนใจคือ Deckers Outdoor Corporation ได้เข้ามาเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ HOKA จากแบรนด์รองเท้าวิ่งที่ถูกจำกัดขายอยู่แต่ในร้าน Running Specialty มาสู่สาย lifestyle ที่ไม่ว่าสายกีฬาหรือสายแต่งตัวก็ต้องอยากมีติดตู้ไว้สักคู่
คุณเพ็ญพรรณี ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า สำหรับเทรนด์สุขภาพนั้นมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และนี่ไม่ใช่แค่เทรนด์ในประเทศไทยแต่มันคือ Global Trend
แต่ก่อนหากเราลองสังเกตแต่ก่อนเราจะเห็นมีงานวิ่งจัดกันทุกอาทิตย์ ตั้งแต่ fun run, half marathon, marathon พอโควิดคนออกไปไหนไม่ได้ ก็เกิด virtual run คนวิ่งที่บ้าน ออกกำลังกายที่บ้าน ไปวิ่งคนเดียว พอตอนนี้ชีวิตหลังโควิด คนอยากออกจากบ้าน อยากทำกิจกรรมนอกบ้าน อยากเข้าสังคมมากขึ้น ก็เกิดเป็น Run Club community
ซึ่งตอนนี้แต่ละแบรนด์โดยเฉพาะแบรนด์กีฬาก็มี Run Club เป็นของตัวเอง ส่วน Hoka เองก็มี Hoka Run Club ที่ค่อนข้าง แข็งแรงในเรื่องของการพัฒนา performance นักกีฬา ตอนนี้มีสมาชิกที่ active ประมาณ 4,000 คน
โดยสิ่งที่น่าสนใจของการสร้างคอมมูนิตี้ของ HOKA เขาใช้ชื่อว่า HOKA Culture Hub หมายความว่า คอมมูนิตี้นี้สร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้มีพื้นที่ของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นสายแฟ สายวิ่ง สายอาร์ต หรือชอบเสพย์วัฒนธรรมอันหลากหลาย ก็สามารถมาพบปะกันที่นี่ได้อย่างไม่เคอะเขิน โดยแบรนด์พยายามจัดกิจกรรม เพื่อให้ลูกค้าได้เจอกัน ได้ mingle ร่วมกันอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
หมายความว่า หากคุณเป็นลูกค้าของ HOKA คุณก็มีสิทธิที่จะจอยทุก social activity ของแบรนด์ และนี่เป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้เจอเพื่อนที่มีความชื่นชอบแบบเดียวกับคุณ และกิจกรรมเหล่านี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์จนเหมือนแบรนด์เป็นเพื่อนของพวกเขา
HOKA ได้ร่วมกับมือกลุ่ม Run Club มากมาย อย่างเช่น Cruise Control Run Club เพื่อทำลองเท้าไปให้นักวิ่งได้ลองวิ่ง หมายความว่าหาก session นั้นมีนักวิ่ง 100 คน HOKA ก็เอารองเท้าไปให้ลอง 100 คู่
คุณเพ็ญพรรณี ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า สิ่งที่สำคัญสำหรับการเลือกซื้อรองเท้าสักคู่ มันคือประสบการณ์การระหว่างสวมใส่ ไม่ใช่แค่ลองใส่เดินที่หน้าร้าน แต่มันต้องลองวิ่งกับพื้นถนน พื้นหญ้า พื้นดินแบบจริงๆ เราถึงจะรู้ว่าคู่นี่เหมาะกับเราหรือเปล่า
อย่างที่รู้กันว่า คอมมูนิตี้ที่ Run Club มักจะเป็นคอมมูนิตี้ที่ร่วมคนที่มีความชื่นชอบแบบเดียวกัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ชื่นชอบเหมือนๆกัน คุณเพ็ญพรรณี ได้ยกตัวอย่างว่า พอ HOKA เอารองเท้าไปให้กลุ่ม Run Club ลอง พอวิ่งเสร็จส่วนใหญ่พวกเขาจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ว่าใส่รองเท้าคู่นี่แล้วเป็นอย่างไร ทำไมคนนี้ใส่รองเท้าคู่นี่แล้วดีกว่าคู่นั้น HOKA เปรียบเสมือนเรื่องราวหนึ่งที่เชื่อมพวกเขาเข้าด้วยกัน
สำหรับการตลาดแล้วสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ลูกค้าคุ้นหูแบรนด์เรามากขึ้นคือ สโลแกน แต่สโลแกนที่ดีนั้นต้องสะท้อนถึงตัวตนของแบรนด์ หรือ DNA ของแบรนด์ แบบที่ว่าไม่ต้องโฆษณาอะไรเยอะคนก็เก็ท
สำหรับ HOKA ได้ออกแคมเปญ Fly Human Fly ต่อด้วย Together, We Fly Higher เพราะเชื่อว่า เบื้องหลังทุกการเติบโต ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลำพัง แต่เกิดจากพลังของคนรอบตัวที่คอยผลักดัน คอยซัพพอร์ต สนับสนุน และเดินไปด้วยกัน โดยแนวคิดนี้ถูกสื่อสารผ่านเรื่องจริงของนักวิ่งที่ไม่ได้เดินทางคนเดียวเพียงลำพัง แต่มีเพื่อน ครอบครัว และทีมสนับสนุน เป็นแรงผลักดันสำคัญในการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองในแต่ละวัน ไปจนถึงเป้าหมายที่พวกเขาได้วางไว้
คุณเพ็ญพรรณี ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า “HOKA ไม่ได้ outstanding เรื่อง lifestyle แต่ running มันคือ lifestyle เราพยายามทำให้ wording มันกลายเป็นรูปธรรม เป็น action นั้นทำให้วิสัยทัศน์มันแข็งแรงมากขึ้น แล้วพอมาเจอ partner ที่มี vision เดีวกัน เขามองเห็นคุณค่าเดี่ยวกันกับเรามันก็ยิ่งจะสร้าง impact”
นอกจากนี้ คุณเพ็ญพรรณี ยังได้กล่าวเสริม ว่าในเชิงของเรื่องการตลาด ปัจจุบันเราต้องไม่ได้แค่ขายของ แต่แบรนด์ต้องให้ value บางอย่างกับลูกค้า เพราะลูกค้าในยุคนี้ต้องการสิ่งที่เติมเต็มจิตใจ และพอเราให้เขาวันหนึ่งลูกค้าก็จะรักแบรนด์เอง
หากใครเป็นสายการตลาด เราน่าจะได้เห็นแต่แบรนด์เกิดการ Collaboration ร่วมกันไม่ซ้ำหน้า ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทเดียวกัน หรือแบรนด์ที่อาจเคยเป็นคู่แข่งก็กลายมาเป็นคู่ค้ากันในยุคนี้
โดยสำหรับแคมเปญ Fly Human Fly Together, We Fly Higher ในประเทศไทย HOKA ได้จับมือพันธมิตรถึง 6 พาร์ทเนอร์ ซึ่งแต่ละพาร์ทเนอร์ก็มีความเกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด อย่างที่เขาบอกว่าการวิ่งมันไม่ได้วิ่งแค่คนเดียว แต่มันต้องมีคนเบื้องหลัง มันคือ ecosystems ทั้งหมด ได้แก่ Sarnies & Friends Café คาเฟ่ของอร่อย, The CORNER HOUSE พื้นที่ที่ให้นักวิ่งมาเจอกัน เวลารวมตัวกันจะได้ไม่สร้างความลำบากให้ผู้อื่น, Carnival แบรนด์lifestyle สัญชาติไทยชื่อดัง, Iwelty เพจสื่อที่มีผู้เชี่ยวชาญทำกิจกรรม well-being และ Cruise Control Run Club (CCRC) ตัวแทนของคอมมูนิตี้ของนักวิ่ง
1. รับประทานเมนูคอลแลบ HOKA x SARNIES & FRIENDS ที่สาขา The Corner House (ตลาดน้อย) จะได้รับบัตรสะสมแต้ม 1 ใบ และแสตมป์ 1 ดวงทันที โดยบัตรสะสมแต้มสามารถใช้เป็นส่วนลด 15% ได้ที่ร้าน HOKA Brand Store ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ สาขา centralwOrld, สาขา Emporium, และ สาขา Megabangna
2. Shoot / Share / Show โพสต์รูปภายในร้าน SARNIES & FRIRENDS สาขา The Corner House (ตลาดน้อย) ระหว่างช่วงแคมเปญ พร้อมติดแฮชแท็ก #HOKAXSARNIES&FRIENDS ลงโซเชียลมีเดียของคุณ
3. ถ่ายรูปที่ตู้ Photobooth HOKA ‘Together, We Fly Higher’ โดยมีกรอบให้เลือกด้วยกัน 6 แบบ และแชร์ลงโซเชียลมีเดีย พร้อมแท็ก Instagram @HOKA_TH
4. นำบัตรสะสมแต้ม และภารกิจข้อ 2-3 ไป check-in ที่ร้าน HOKA สาขา centralwOrld เป็นภารกิจสุดท้าย โดยแสดงหลักฐานภารกิจทั้ง 4 ให้พนักงานที่ร้าน HOKA สาขา centralwOrld เพื่อยืนยัน และจะได้รับแสตมป์ครบ 4 ดวง เพื่อแลกรับ HOKA ‘Together, We Fly Higher’ Tumbler ไปเลย
*สินค้ามีจำนวนจำกัด ขอสงวนสิทธิ์ให้กับผู้ที่ทำภารกิจถูกต้องตามเงื่อนไข