หากพูดถึงกาแฟ คุณจะนึกถึงแบรนด์อะไร? เชื่อว่าคนไทยหลายๆคนที่ได้เดินเล่นตามซูปเปอร์มาร์เก็ตน่าจะต้องนึกแบรนด์ Duchess อย่างแน่นอน ด้วยเอกลักษณ์คือ รสชาติดี ราคาเข้าถึงง่าย แต่รู้หรือไม่ว่าแบรนด์ Duchess นั้นเป็นแบรนด์คนไทยแถมยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตกาแฟแคปซูลเจ้าใหญ่ในอาเซียน ซึ่งปีที่แล้วสามารถสร้างยอดขายแค่แคปซูลกาแฟ ได้มากกว่า 30 ล้านแคป
บทความนี้ ทีม SPOTLIGHT ได้มีโอกาสพูดคุยกับทายาท Duchess คุณณัฐพล เฉลิมธนาคม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดัชเชส จํากัด ผู้ผลิตกาแฟแคปซูลแบรนด์ไทยเจ้าใหญ่ในอาเซียน ถึงมุมองตลาดกาแฟที่แสนดุเดือด เทรนด์ผู้บริโภคที่หันมาดื่มหาแฟมากขึ้น รวมถึงผลกระทบของสงครามการค้าที่กลายเป็นผลดีของ Duchess
แบรนด์ Duchess เริ่มต้นจากการทำธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำต่างๆ เมื่อปี 2549 หรือเมื่อ 19 ปีที่แล้ว แต่ในวันที่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามีการแข่งขันที่ดุเดือด คิดว่าการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์จึงได้พยายามหาช่องว่างทางการตลาดที่ยังขาดอยู่ อย่างเครื่องชงกาแฟ
เพราะเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เครื่องชงกาแฟ มีราคาที่ค่อนข้างสูง โดยส่วนมากมักจะต้องนำเข้าจากแบรนด์ยุโรปอย่างเดียว ทำให้คนทั่วไปยากที่จะเข้าถึงเครื่องชงกาแฟและกาแฟดีๆ
Duchess จึงได้เริ่มเบนเข็มจากธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า มาสู่เครื่องทำกาแฟ โดยมีจุดเด่นที่ เครื่องชงกาแฟคุณภาพดี ดีไซน์สวย ราคาที่เข้าถึงง่าย นอกจากนี้ยังได้กลายเป็นผู้ผลิตกาแฟแคปซูลแบรนด์ไทยเจ้าใหญ่ในอาเซียน ที่รองรับเครื่อง Nespresso ถึง 18 รสชาติ และเครื่อง Dolce Gusto ถึง 9 รสชาติ
คุณณัฐพล ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า “หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Duchess เป็นแบรนด์ของคนไทย เพราะเราไม่เคยโปรโมทว่าเป็นกาแฟไทย เพราะเราใช้กาแฟจากทั่วทุกมุมโลก เพราะถ้าสมมุติวันนี้เริ่ม โปรโมทว่ากาแฟนี้มาจากดอยใดดอยหนึ่ง คนไทยอาจจะเก็ทและอินกับเรา แต่มันจะทำให้เราก้าวไปสู่ตลาดโลกได้ยาก เพราะเขาไม่รู้จัก ถึงแม้ว่าเราจะมีของที่คุณภาพดีแค่ไหน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราอยากจะชูมากที่สุด ไม่ใช่ว่ากาแฟของเรามาจากไหนแต่เป็นคุณภาพของเราเป็นระดับโลก ไม่ใช่แค่ระดับภาคพื้น ที่สำคัญเลยสำคัญ Duchess คือเรื่องราคา เราไม่ได้อยากขายของที่แพง-ถูกจนเกินไป อยากขายของราคาที่ make sense ที่ offer ไปด้วยคุณภาพระดับโลกสำหรับลูกค้าทุกคน”
โดยตอนนี้ Duchess มีว่างจัดจำหน่ายในประเทศไทย และส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหลักๆคือในโซนอาเซียน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และตลาดใหญ่สุดคือประเทศจีน
ประเทศจีน ถือได้ว่าเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของ Duchess เนื่องจากความได้เปรียบของจำนวนประชากร โดย Duchess เพิ่งได้เข้าไปเจาะตลาดในประเทศจีนเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ “จีนเพิ่งบริโภคกาแฟจริงๆเมื่อ 3 ปีที่แล้วเอง เพราะแต่ก่อนเขาบริโภคชากันเยอะมาก” คุณณัฐพล ได้แชร์ให้ทีม SPOTLIGHT ฟัง
“สาเหตุที่คนจีนเพิ่งบริโภคกาแฟกัน นั่นเป็นเพราะว่าวัฒนธรรมการดื่มชาของคนจีนที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น ส่วนกาแฟตอนนี้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นเนื่องจากกลุ่มคนจีน New Gen พอเขาได้มีโอกาสได้ไปสัมผัสโลกตะวันตกมากขึ้น นั้นทำให้พวกเขาได้เอาวัฒนธรรมกาแฟกลับเข้าไปด้วย เราจึงได้เห็นการเติบโตของแบรนด์กาแฟใหญ่ของจีนมากขึ้น เช่น Luckin Coffee หรือ Cotti Coffee กาแฟคุณภาพดี ที่ราคาจับต้องได้”
คุณณัฐพล ยังได้เล่าเสริมอีกว่า จากประสบการณ์ที่ตนได้เดินทางไปจีนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นหาร้านกาแฟยากมาก เพราะเจอแต่ร้านชา เช่นชานม ชาผลไม้ แต่ว่าช่วงปีหลังๆเดินไปทุกมุมถนนก็จะเจอร้านกาแฟหน้าไม่ซ้ำ ซึ่งทำให้ 3 ปีที่ผ่านมาตนคาดเดาว่าสาเหตุที่ราคากาแฟพุ่งสูงขึ้นมากเนื่องจากคนจีนบริโภคกาแฟเพิ่มขึ้น
เมื่อถามถึงตลาดกาแฟในประเทศไทย ที่ตอนนี้เราเริ่มเห็นผู้เล่นหน้าใหม่ๆเข้ามาในตลาดมากมาย คุณณัฐพล ได้แชร์มุมมองให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า “ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยเราบริโภคกาแฟกันเยอะขึ้น จุดกำเนิดของการบริโภคกาแฟของคนไทยที่เราเห็นได้ชัดคือเริ่มจากการบริโภคกาแฟสำเร็จรูปซองแดง สู่ตอนนี้ที่มาเป็นเทรนด์ single serve มากขึ้น เช่นแคปซูล หรือเทรนด์การดื่มกาแฟนอกบ้านกันมากขึ้น
โดยในช่วงปีที่ผ่านมาเราเห็นการเติบโตการบริโภคของกาแฟ คนบริโภคกาแฟถี่ขึ้น กลุ่มผู้บริโภคกาแฟก็มีอายุที่เด็กลง ควบคู่กับการขยายสาขาของ Starbuck หรือ Amazon คนเริ่มบริโภคกาแฟเย็นกันมากขึ้น จนกาแฟสดกลายเป็นของที่หาได้แถบจะทั่วทุกหัวมุมถนนในประเทศไทยแล้ว
“ตอนนี้ตลาดกาแฟไทยดุเดือดมาก เพราะเค้กชิ้นใหญ่มากขึ้น” และตอนนี้ตลาดที่แข่งขันกันดุเดือดมากที่สุด ก็น่าจะเป็น specialty coffee และการขายเมล็ดกาแฟตามห้างสรรพสินค้า
คุณณัฐพล ได้เล่าว่า หากเราได้เดินเข้าห้างซูเปอร์มาร์เก็ตตามห้างสรรพสินค้าเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เราจะเห็นอยู่ไม่กี่แบรนด์ แต่ตอนนี้อยากให้ลองสังเกตดูตามชั้นวางสินค้ามีมากกว่า 10 แบรนด์ จนแทบจะนับไม่ถ้วน เพราะตลาดนี้เป็นตลาดที่เติบโตดี และเป็นตลาดที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าผู้บริโภคแต่ละท้องที่จะมีพฤติกรรมและรสชาติกาแฟที่ชื่นชอบแตกต่างกัน แต่คนเอเชียส่วนใหญ่ก็ยังคงชอบดื่มกาแฟใส่นม ในทางกลับกันอย่างผู้บริโภคในแถบสหรัฐอเมริกาและยุโรป ก็จะบริโภคกาแฟใส่นมน้อยกว่า เพราะฉะนั้นกาแฟที่ออกมาในภูมิภาคนี้จะออกมาในรสชาติเข้มมาก
และหากเจาะลึกมายังประเทศไทย ที่แม้ว่าตลาด specialty coffee จะมีความคึกคักแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ยังไงคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังชอบดื่มกาแฟสำเร็จรูป หรือ instant coffee อยู่ แต่เมื่อตลาดกาแฟสดได้รับความนิยมมากขึ้น ก็ส่งผลให้ตลาดกาแฟ single serve โตขึ้นตามลำดับ ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้จะเป็นคนที่ต้องการกาแฟสดคุณภาพดี ที่ไม่ยุ่งยากมาก เพราะถ้าเราเคยชงกาแฟจากเครื่องชงกาแฟใหญ่ๆ วิถีการมันจะค่อนค้างซับซ้อน ต้องล้าง ต้องบด ต้องมีเครื่องมากกว่า 1 ตัว แต่พอเรามีตัว single serve หรือว่าแคปซูล มันก็สามารถทำให้เราสามารถชงกาแฟสดได้ง่ายๆ แค่กดปุ่ม
อิตาลี แม้ดังเรื่องกาแฟ แต่ภูมิภาคเอเซียนยังได้เปรียบกว่า คุณณัฐพล ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า ภูมิภาคเราอาเซียนถือว่าเป็นประเทศที่ได้เปรียบในเรื่องของการปลูกกาแฟ และกลายเป็นพื้นที่ผลิตกาแฟ top โลก ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย ลาว พม่า เป็นแหล่งปลูกกาแฟใหญ่ของโลก ไม่น้อยไปกว่าอเมริกาใต้เลย
"ส่วนประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องกาแฟอย่างอิตาลี เขาได้ทำการ build branding มาด้วยชื่อประเทศของเขา ด้วยเทคนิคการคั่วพิเศษ แต่เอาเข้าจริงๆแล้วเขาไม่สามารถผลิตกาแฟได้ เขาอยู่ห่างจากแหล่งผลิตมาก และการที่เขาจะผลิตกาแฟได้แต่ละที เขาจะต้อง import กาแฟจากภาคพื้นเรา"
ซึ่งคุณณัฐพล มองเป็นโอกาสสำหรับผู้ผลิตกาแฟไทยเนื่องจาก เราสามารถผลิตกาแฟเองได้ โดยต้นทุนที่ถูก ในขณะที่คู่แข่งของเรามีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งตรงนี้ทำให้เราสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองไปแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้น
เมื่อถามถึงผลของสงครามการค้าและกำแพงภาษี คุณณัฐพล ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า Duchess ได้ประโยชน์ในบางส่วนเนื่องจาก พอหลายๆประเทศทะเลาะกัน ไม่ซื้อขายกัน ทำให้พวกเขาได้พยายามหา supplier เจ้าใหม่ๆในตลาด อย่างเช่น Duchess
นอกจากนี้การเกิดสงครามที่ตะวันออกกลาง ทำให้เรือสินค้าวิ่งตรงบริเวณคลองสุเอซไม่ได้ ทำให้เราได้ข้อได้เปรียบก็คือ ตอนนี้เค้าอยากจะสั่งของจากยุโรป แต่ใช้เวลานานถึง 90 วัน เขาก็เลยต้องหา supplier ที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง อย่างเช่นเรา เพราะเราเดินทางไปจีนใช้เวลาแค่ 2 อาทิตย์
ส่วนในเรื่องของเป้าหมายของการเติบโตของ Duchess ในฐานะทายาท GEN 2 คุณณัฐพล เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า “ส่วนตัว ตนไม่มองแค่เพียงตัวเลขในการเติบโตเพียงอย่างเดียว เชื่อว่า Duchess ได้สร้างชื่อเสียงมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ในฐานะผู้ผลิตกาแฟแคปซูลมาตรฐานรายใหญ่ที่สุดของภาคพื้นนี้ เราอยากจะปรับตัวเป็นฐานการผลิตให้กับแบรนด์อื่นๆที่ไม่สามารถผลิตในภาคพื้นยุโรป และอยากมากระจายในภาคพื้นเอเชียต่อไป ซึ่งตอนนี้ก็ได้เริ่มจับมือกับแบรนด์กาแฟชื่อดังในภูมิภาคหลายแบรนด์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะกลายเป็นฐานการผลิตแคปซูลระดับโลกอันถัดไปข้างนอกยุโรป”