ทำไมความนิยมทรัมป์ลด? เปิดปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชาตินิยมทำให้คนอดตาย?

ในขณะที่ปัญหานอกประเทศร้อนระอุทั่วโลก สหรัฐฯ ก็เผชิญปัญหาในประเทศอย่างค่าครองชีพ อีกปัจจัยที่ฉุดความนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงในการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2

ทรัมป์เดินสายหาเสียงอีกครั้ง ชี้เดโมแครตคือปัญหา

อังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ “ราคาข้าวของมีราคาแพงขึ้น” ว่าเป็นเพราะพรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกันกำลังทำให้ราคาค่าครองชีพถูกลง

เขาเดินทางมายังรัฐสวิงสเตทแห่งนี้เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นค่าครองชีพ โดยเรียกความเป็นกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการซื้อของชาวอเมริกันที่ลดลงว่า เป็น “เรื่องหลอกลวง” ที่สร้างขึ้นโดยพรรคเดโมแครต

แม้จะยอมรับภายหลังระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ว่า ได้รับการบอกไม่ให้เรียกปัญหาความสามารถในการซื้อว่าเป็น “เรื่องหลอกลวง” เพราะอาจถูกตีความผิดได้ แต่ก็ยังยืนยันว่า เขาเป็นเป้าโจมตีของพรรคเดโมแครตอยู่ดี และค่าครองชีพแพงเป็นข้ออ้างการกล่าวโทษ

“ผมยอมรับว่าราคาสูงไปนะ” ทรัมป์กล่าว “พวกเขาพูดถึงความสามารถในการซื้อ และทุกคนก็พูดว่า ‘โอ้ นั่นต้องหมายความว่าราคาข้าวของสมัยทรัมป์สูงแน่ๆ’ แต่ไม่ใช่เลย ราคาในสมัยเรากำลังลดลงอยู่เยอะ”

การเดินทางไปเพนซิเวเนียในครั้งนี้ เป็นจุดแวะแรกของ “ซีรีส์การหาเสียงทั่วประเทศ” เพื่อประชาสัมพันธ์วาระของทรัมป์ และส่งเสริมสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกันที่ลงคะแนนเสียงในปีหน้า

สหรัฐฯ ค่าครองชีพเพิ่ม ความนิยมทรัมป์ลด

หลังผลสำรวจหลายชุดแสดงตรงกันว่า มีความไม่พอใจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ต่อผลงานของทรัมป์ในประเด็นค่าครองชีพ รัฐบาลสหรัฐฯ ก็พยายามปรับเปลี่ยนการส่งสารทางเศรษฐกิจแบบใหม่ 

ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีก่อน คำกล่าวอ้างจะ “ฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ” เป็นหนึ่งในนโยบายที่รีพับลิกันชู แต่เมื่อปัญหาค่าครองชีพไม่หมดไป ซ้ำดูจะเลวร้ายลง สิ่งนี้อาจส่งผลต่อผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งหน้าที่จะจัดขึ้นวันที่ 3 พฤศจิกายน 2569 ได้

ปัญหาค่าครองชีพในยุคทรัมป์แย่ลงจริงหรือ?

ทรัมป์ชี้ว่าเดโมแครตเป็นต้นตอปัญหาค่าครองชีพ ส่วนรีพับลิกันเป็นผู้แก้ และเดโมแครตก็กล่าวในทางตรงข้าม ความจริงคืออะไร?

“ราคาลดทันที ตั้งแต่วันแรก” คือคำอ้างที่ทรัมป์ใช้หาเสียง ชูการพัฒนาปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพ ปัญหาเดียวกันกับที่ดึงความนิยมของเดโมแครตลงในสมัยที่แล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่คำกล่าวที่เป็นจริง อัตราเงินเฟ้อยังคงค้างอยู่ในระดับสูงแม้ว่าทรัมป์จะดำรงตำแหน่งมาหลายเดือน 

ทรัมป์กล่าวว่า นี่คือปัญหาคาราคาซังมาตั้งแต่สมัยการทำงานของเดโมแครต ตามรายงานของ Financial Times ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นราว 18% ในช่วงการบริหารของรัฐบาลโจ ไบเดนจริง และภายใต้การบริหารของทรัมป์ ราคาสินค้าบางอย่าง เช่น ไข่และน้ำมันเบนซินก็ลดลง แต่เงินเฟ้อทั้งระบบเศรษฐกิจกลับขยับขึ้น เพิ่มความเจ็บปวดสะสมให้ประชาชน

และข้อมูลชุดล่าสุดที่ Financial Time เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคมชี้ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) รายปีของสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 2.8% ในเดือนกันยายน จาก 2.3% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ทรัมป์ประกาศภาษีนำเข้าครั้งใหญ่

ภาษีนำเข้าส่งผลให้ราคาสินค้าที่พึ่งพาการค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงรถยนต์และเสื้อผ้า นอกจากนี้ ยังผลักดันให้ราคาอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น เช่น เนื้อวัว กาแฟ และผลไม้บางชนิด เช่นเดียวกัน ภาษีนำเข้าวัตถุดิบต่าง ๆ เช่น ทองแดงและไม้ ได้ส่งผ่านต้นทุนมายังงานก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นข่าวร้ายในช่วงที่อัตราส่วนราคาบ้านต่อรายได้ของสหรัฐฯ อยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ส่วนหนึ่งของบทความ Financial Times ระบุว่า นโยบายของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะทำให้ปัญหาเศรษฐกิจที่รับช่วงต่อมาจากสมัยของโจ ไบเดนเลวร้ายลง และตัวแปรไม่ใช่แค่นโยบายภาษี แต่รวมถึงการปราบปรามผู้อพยพ

การปราบปรามแรงงานไม่มีเอกสารของรัฐบาลทำให้แรงงานในภาคเกษตรและก่อสร้างตึงตัวมากขึ้น ซึ่งเสี่ยงผลักดันต้นทุนในอุตสาหกรรมที่ขาดแคลนแรงงานอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ราคาค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นในบางรัฐก็สะท้อนความต้องการพลังงานที่พุ่งขึ้นจากศูนย์ข้อมูลที่ใช้พลังงานสูง

สภาพเศรษฐกิจโดยรวมก็ไม่ได้ช่วยเหลือครัวเรือนรายได้น้อยเช่นกัน พวกเขาได้รับผลกระทบจากการเติบโตของค่าจ้างที่อ่อนแรง และการจ้างงานที่ชะลอตัว ภายใต้กฎหมาย One Big Beautiful Bill ชาวอเมริกันรายได้น้อยจำนวนมากอาจสูญเสียสวัสดิการอาหารและเงินอุดหนุนประกันสุขภาพ

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในกลุ่มรายได้ต่ำสุดหนึ่งในสามของประเทศลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ทำเนียบขาวไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ แต่พยายามบรรเทาวิกฤตเศรษฐกิจให้ประชาชนด้วยวิธีการต่าง ๆ อาทิ ยกเลิกภาษีนำเข้าในสินค้าอาหารหลายรายการที่สหรัฐฯ ไม่สามารถผลิตได้จำนวนมากในประเทศ และกดดันบริษัทยาให้ลดราคาสำหรับผู้ป่วยชาวอเมริกัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ยังเสนอการผ่อนปรนมาตรฐานประสิทธิภาพเชื้อเพลิง โดยอ้างว่าจะทำให้รถยนต์ราคาถูกลง แต่ก็มีกระแสตีกลับเกี่ยวกับผลต่อสิ่งแวดล้อม และการตั้งคำถามว่าจะเป็นการสนับสนุนผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ หรือผู้บริโภคกันแน่

อีกวิธีการบรรเทาปัญหาความสามารถในการซื้อคือ “มอบเงินอุดหนุนให้ครัวเรือน” ซึ่งเป็นข้อเสนอกว้าง ๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนมากนัก เพราะอาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น หรืออีกวิธีคือ การขยายระยะเวลาจ่ายจำนอง ก็ทำให้เกิดข้อกังวลว่า อาจทำให้ประชาชนติดหนี้นานขึ้น ข้อเสนอของทรัมป์ที่พยายามให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับลดดอกเบี้ย ก็อาจทำให้ความเสี่ยงของพันธบัตรสหรัฐฯ สูงขึ้น ผลักดันต้นทุนการกู้ยืมพื้นฐานให้แพงขึ้น

นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า การจัดการรากเหง้าของค่าครองชีพที่สูงจะต้องอาศัยมาตรการอย่างการเพิ่มปริมาณที่อยู่อาศัย การปฏิรูประบบสาธารณสุข และการลดภาษีอีกหลายรายการ

การโยนความผิดให้รัฐบาลไบเดนจึงช่วยได้เพียงระยะสั้น กลับกันพรรคเดโมแครตดูเหมือนกำลังฟื้นคืนคะแนนนิยม ด้วยพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งท้องถิ่นล่าสุดในนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ และเวอร์จิเนีย ด้วยแคมเปญที่เน้นประเด็นค่าครองชีพ

ที่มา: CNN, Financial Times