Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
จับตาเศรษฐกิจญี่ปุ่นในมือนากยกฯ หญิงคนแรก จะพลิกเกมแก้ปัญหาอย่างไร
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

จับตาเศรษฐกิจญี่ปุ่นในมือนากยกฯ หญิงคนแรก จะพลิกเกมแก้ปัญหาอย่างไร

21 ต.ค. 68
17:01 น.
แชร์

ปัจจุบันญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อนและเรื้อรังหลายด้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมาเป็นเวลานาน ทั้งการเป็นสังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว จนขาดแคลนแรงงาน ค่าเงินเยนที่อ่อนตัว หนี้สาธารณะมหาศาล เงินเฟ้อ และค่าครองชีพสูง ล้วนส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ญี่ปุ่นได้เปลี่ยนตัวผู้นำประเทศ โดยรัฐสภาญี่ปุ่นลงมติเลือกซานาเอะ ทาคาอิจิ นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในวันนี้ (21 ตุลาคม 68) 

ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ในโตเกียว จากความหวังว่าซานาเอะ ทาคาอิจิ สมาชิกรัฐสภาฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น จะทุ่มเงินมากขึ้นในนโยบายที่เอื้อต่อตลาด ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศจำนวนมากและสินเชื่อราคาถูก โดยดัชนีหุ้นนิเคอิ 225 พุ่งขึ้น 0.7% สู่ระดับ 49,517.57 จุด หลังจากที่เธอได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งด้วย 237 คะแนนเสียง

Spotlight ชวนส่องแนวคิดด้านเศรษฐกิจของผู้นำคนใหม่ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘สตรีเหล็กแห่งญี่ปุ่น’ ว่าจะวางแนวทางแก้ไขปัญหาของแดนอาทิตย์อุทัยให้กลับมาผงาดอีกครั้งด้วยวิธีใด

จัดการ ‘ค่าครองชีพแพง’ คือวาระเร่งด่วน

"ฉันต้องการให้ความสำคัญกับการจัดการกับราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก" ซานาเอะ ทาคาอิจิ หลังจากที่เธอได้รับเลือกให้เป็นผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา  เธอเน้นย้ำว่า รัฐบาลจะต้อง "จัดการกับปัญหาที่พลเมืองจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการในการรับมือกับราคาสินค้าที่สูงขึ้น

แทนที่จะกำหนดเป้าหมายโดยการขึ้นค่าแรงโดยตรง ซึ่งจะเป็นการผลักภาระให้เอกชน เธอกลับเน้นการเพิ่มรายได้ที่จับต้องได้ของประชาชนผ่านมาตรการช่วยเหลือ เช่น เครดิตภาษีที่สามารถขอคืนได้ (Refundable Tax Credits) โดยรัฐบาลจะทำการจ่ายเงินสดส่วนต่างคืนให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ต้องแบกรับภาษีเกินตัว หรือการเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีเงินได้ เพื่อช่วยเหลือครอบครัวชนชั้นกลางและวัยทำงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเตรียมออกมาตรการลดค่าใช้จ่ายเฉพาะด้าน ที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในชีวิตประจำวัน เช่น ยกเลิกอัตราภาษีน้ำมันเบนซินและดีเซลชั่วคราว มาตรการลดหย่อนภาษีบางส่วนสำหรับค่าเลี้ยงดูเด็ก และการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลสำหรับบริษัทที่จัดให้มีศูนย์ดูแลเด็กในที่ทำงาน เพื่อสนับสนุนครอบครัวที่มีบุตร เป็นต้น

ซานาเอะโนมิกส์ ต่อยอดจากอาเบะ

ซานาเอะโนมิกส์ (Sanaenomics) คือชื่อเรียกนโยบายเศรษฐกิจของ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ที่หลายฝ่ายคาดว่าเป็นการต่อยอดและพัฒนามาจาก อาเบะโนมิกส์ (Abenomics) ซึ่งเป็นนโยบายของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ผู้เป็นที่ปรึกษาทางการเมืองของเธอ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ โดยมีแนวคิดหลักคือนโยบายการคลังขยายตัว (Fiscal Expansion) และนโยบายการเงินผ่อนคลาย (Monetary Easing)

  • นโยบายการคลังขยายตัว (Fiscal Expansion): 

เน้นการใช้จ่ายของรัฐบาลอย่างแข็งขันและหนักหน่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลงทุนเพื่อการบริหารจัดการวิกฤตแห่งชาติ มุ่งเน้นการลงทุนขนาดใหญ่ในเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, เซมิคอนดักเตอร์, และการวิจัยพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน เพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนและกระตุ้นการบริโภค เช่น การยกเลิกภาษีน้ำมันชั่วคราว และการสนับสนุนครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ-กลาง

  • นโยบายการเงินผ่อนคลาย (Monetary Easing):

สนับสนุนให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ เพื่อรักษาสภาพคล่องในตลาดและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในอดีต ทาคาอิจิเคยวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะเธอมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนการดำเนินงานและการขยายธุรกิจสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น

การปฏิรูปเศรษฐกิจยังเป็นแกนหลักของ "อาเบะโนมิกส์" และถึงแม้ว่าจะช่วยให้ญี่ปุ่นเอาชนะภาวะราคาสินค้าตกต่ำ และภาวะเงินฝืดในสมัยนั้นได้ดี แต่นโยบายดังกล่าวก็ทำให้รัฐบาลมีหนี้มหาศาล ซึ่งยังคงเป็นความท้าทายครั้งใหญ่จนถึงทุกวันนี้

จีบทรัมป์ ลดกำแพงภาษี

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น โดยจะเก็บภาษีต่างตอบแทน 15% และญี่ปุ่นจะลงทุนในสหรัฐฯ กว่า 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ทาคาอิจิเคยกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะทบทวนคำมั่นสัญญาในแผนการลงทุนระยะยาวของภาคเอกชนญี่ปุ่นในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะกินเวลาหลายปี

คำพูดของเธอในขณะนั้นสะท้อนความเป็นชาตินิยมเชิงเศรษฐกิจ และแนวคิดญี่ปุ่นต้องมาก่อน ซึ่งได้ใจคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วทาคาอิจิมีพันธะผูกพันที่จะแสวงหาความสัมพันธ์อันดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับที่อาเบะเคยทำ และจะเสริมสร้างพันธมิตรด้านความมั่นคงของญี่ปุ่นกับวอชิงตัน คาดว่าทั้งสองจะพบกันในปลายเดือนนี้ นับเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่วันของการเป็นผู้นำของเธอ

แม้ว่าเธออาจไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก แต่ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่าทาคาอิจิมีข้อได้เปรียบเพราะดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในฝั่งของอนุรักษ์นิยม ฝ่ายขวาจัดที่เน้นประชานิยม เช่นเดียวกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกทั้งเมื่อทาคาอิจิชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทรัมป์ได้บรรยายเรื่องนี้ในรายการ Truth Social ว่าเป็น "ข่าวดีอันยิ่งใหญ่สำหรับประชาชนชาวญี่ปุ่น"

แม้บนโซเชียลมีเดีย ผู้นำสหรัฐฯ จะแสดงความเป็นมิตรต่อผู้นำใหม่ของญี่ปุ่น แต่ทาคาอิจิก็รู้ดีว่า เธอต้องสร้างความประทับใจที่ดีให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งรูปแบบการทูตของเขา เน้นไปที่ความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นหลักเพื่อคำนึงถึงข้อตกลงด้านภาษีศุลกากร รวมถึงการสานสัมพันธ์กับพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศให้แข็งแกร่ง


แชร์
จับตาเศรษฐกิจญี่ปุ่นในมือนากยกฯ หญิงคนแรก จะพลิกเกมแก้ปัญหาอย่างไร