ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เพื่อหารือเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากที่ผู้นำทั้งสองได้พูดคุยทางโทรศัพท์กันอย่างยาวนานและชื่นมื่น ซึ่งทรัมป์บรรยายว่า การพูดคุยเป็นไปอย่างมีประสิทธิผลมาก
ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์บน Truth Social ระบุว่า ประธานาธิบดีปูตินและเขาจะพบกันในสถานที่ที่ตกลงกันไว้คือ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เพื่อดูว่าเราจะสามารถยุติสงครามที่ไร้ซึ่งเกียรติยศระหว่างรัสเซียและยูเครนนี้ได้หรือไม่ ส่วนประธานาธิบดีเซเลนสกี ก็จะมีการพบกันในวันพรุ่งนี้ (17 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น) ที่ห้องทำงานรูปไข่ ในทำเนียบขาว ซึ่งพวกเขาจะหารือเกี่ยวกับการสนทนาของทรัมป์กับปูติน และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย
ขณะที่ทำเนียบรัฐบาลรัสเซียออกแถลงการณ์ถึงการสองผู้นำโลกทางโทรศัพท์ว่า ได้ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงครึ่ง และเกิดขึ้นจากคำร้องขอของรัสเซีย และดูเหมือนว่าการโทรศัพท์ครั้งนี้จะเปลี่ยนท่าทีของทรัมป์ต่อรัสเซียอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้ รัสเซียขัดขวางความพยายามของเขาที่จะยุติสงคราม ต่อมาทรัมป์ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาจะพบกับปูติน "ภายในสองสัปดาห์หรือประมาณนั้น"
เขายังกล่าวในโพสต์โซเชียลมีเดียว่า มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ จะเป็นผู้นำคณะผู้แทนของที่ปรึกษาระดับสูงเพื่อพบปะกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในสัปดาห์หน้า โดยจะมีการกำหนดสถานที่ในภายหลัง โดยทรัมป์เปิดเผยว่า "มาร์โค รูบิโอ กำลังจะไปพบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝั่งรัสเซีย อย่างที่คุณทราบคือเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย และพวกเขาจะพบกันในไม่ช้านี้ พวกเขากำลังจะกำหนดเวลาและสถานที่ในเร็ว ๆ นี้ หรือจริง ๆ อาจจะมีการกำหนดกันแล้วก็ได้"
ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยทำเนียบเครมลินกล่าวว่า ปูตินสนับสนุนแนวคิดของทรัมป์ทันทีสำหรับการประชุมสุดยอดที่วางแผนไว้ที่กรุงบูดาเปสต์เพื่อหารือเกี่ยวกับการยุติสงครามยูเครน โดยบรรยายการโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสองว่า "เต็มไปด้วยข้อมูลและตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง"
แผนการนี้เกิดขึ้นกว่าสองเดือน หลังจากที่ทรัมป์จัดการประชุมสุดยอดแบบพบหน้ากับปูตินครั้งล่าสุดที่เมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา ทั้งนี้ กรุงบูดาเปสต์เคยเป็นตัวเลือกสุดท้ายในการเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนั้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตัดสินใจเลือกอะแลสกาในที่สุด
วิกเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทั้งปูตินและทรัมป์มาโดยตลอด ออร์บานประกาศเมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีหลังจากการโทรศัพท์กับทรัมป์ เผยว่า "การเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอดสันติภาพสหรัฐฯ-รัสเซียกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้" พร้อมโพสต์บน X ว่า "ฮังการีคือเกาะแห่งสันติภาพ!"
ทรัมป์กล่าวในโพสต์โซเชียลมีเดียของเขาว่า เขาเชื่อว่าการสนทนาทางโทรศัพท์กับปูตินครั้งนี้ ได้สร้างความคืบหน้าครั้งใหญ่และกล่าวถึงหัวข้อการสนทนาหลายประเด็น
ประธานาธิบดีทรัมป์เขียนในโพสต์โซเชียลมีเดียระบุว่า ประธานาธิบดีปูตินแสดงความยินดีกับทรัมป์และสหรัฐอเมริกา สำหรับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสันติภาพในตะวันออกกลาง ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันมานานหลายศตวรรษ ทรัมป์เชื่อว่า ความสำเร็จในตะวันออกกลางจะช่วยในการเจรจาให้บรรลุการยุติสงครามรัสเซียกับยูเครน นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยเกี่ยวกับการค้าขายระหว่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกาเมื่อสงครามกับยูเครนสิ้นสุดลง
ทรัมป์กล่าวว่า ปูตินยังได้ขอบคุณสตรีหมายเลขหนึ่ง เมลาเนีย ทรัมป์ ระหว่างการโทรศัพท์สำหรับการสนับสนุนเด็ก ๆ ของเธอ ซึ่งปูตินซาบซึ้งมาก หลังจากที่เมลาเนียประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า รัสเซียอนุญาตให้เด็กชาวยูเครน 8 คนกลับคืนสู่ครอบครัวได้หลังจากมีการหารือส่วนตัวเป็นเวลาหลายเดือนระหว่างเจ้าหน้าที่รัสเซียกับสำนักงานสตรีหมายเลขหนึ่ง โดยมุ่งเน้นไปที่เด็กที่พลัดพรากจากครอบครัวในช่วงสงคราม
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ พลิกบรรยากาศระหว่างรัสเซีย ยูเครน และสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์แสดงความไม่พอใจเนื่องจากปูตินยังคงทำสงครามในยูเครนต่อไป แต่ทรัมป์ก็แสดงออกชัดเจนว่า ไม่เต็มใจนักที่จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรกับรัสเซีย
ระหว่างการแถลงข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ถูกถามเกี่ยวกับแผนการของ จอห์น ธูน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาที่จะนำกฎหมายคว่ำบาตรที่มุ่งลงโทษรัสเซียสำหรับสงครามกับยูเครนมาพิจารณาในเร็ว ๆ นี้ เขาเสนอว่า "อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่สุด" ที่จะผ่านร่างกฎหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรค รัฐสภาได้ยอมทำตามความต้องการของประธานาธิบดีที่จะชะลอการคว่ำบาตรและดำเนินตามแนวทางการทูต
การโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์-ปูตินเกิดขึ้นก่อนการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนในวันนี้ (17 ตุลาคม)
ก่อนหน้านี้ CNN รายงานว่า เซเลนสกีบอกกับกลุ่มนักข่าวในกรุงเคียฟว่า หัวข้อหลักของการสนทนาของเขากับประธานาธิบดีที่ทำเนียบขาวจะรวมถึง "การป้องกันภัยทางอากาศ และความเป็นไปได้ของเราเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยไกล เพื่อกดดันรัสเซีย"
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทรัมป์ได้หยิบยกความเป็นไปได้ที่จะมอบขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์ก (Tomahawk cruise missiles) ให้กับยูเครน เว้นแต่รัสเซียจะเปลี่ยนท่าทีการเจรจาอย่างมาก ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เซเลนสกีชี้ถึง ในขณะที่เขาประกาศการมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันพฤหัสบดี
ในการโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดี ปูตินย้ำมุมมองที่ยาวนานของเขาที่ว่า "โทมาฮอว์กจะไม่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในสนามรบ แต่ทั้งหมดนี้จะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเรา ไม่ต้องพูดถึงโอกาสในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ" อูชาคอฟกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวของทำเนียบเครมลิน