Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
คุยกับ 2 ผู้จัด EDC Thailand ทําไมเลือกปั้น‘เทศกาลดนตรี’ ที่ ‘ภูเก็ต’
โดย : ปาณิสรา สุทธิกาญจนวงศ์

คุยกับ 2 ผู้จัด EDC Thailand ทําไมเลือกปั้น‘เทศกาลดนตรี’ ที่ ‘ภูเก็ต’

22 ธ.ค. 68
16:52 น.
แชร์

เรารู้อยู่แล้วว่า ประเทศไทย’ กับ ‘การท่องเที่ยว’ คือของคู่กัน โดยช่วงก่อนโควิด ไทยเคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอันดับที่ 13 ของโลก ที่ 3 ของเอเชีย เป็นรองแค่จีนและฮ่องกง และเป็นที่ 1 ของอาเซียน ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสามารถขับเคลื่อน GDP ประเทศได้กว่า 18%

แต่หลังโควิด เราได้เห็นประเทศอื่น ๆ ต่างเร่งพัฒนาขีดความสามารถด้านท่องเที่ยว สร้างจุดแข็งให้กลายเป็นจุดขายดึงดูด ‘คุณภาพของนักท่องเที่ยว’ ไม่ใช่เน้นแต่ ‘ปริมาณของนักท่องเที่ยว’

ส่วนประเทศไทย นอกจากท้องฟ้าสวย ทะเลใส อาหารอร่อย ผู้คนเป็นมิตร เราก็พยายามหาจุดขายอื่น ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ เข้ามายังประเทศของเรา และหนึ่งในนั้นคือการพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวสายดนตรี โดยการดึงเทศกาลดนตรีระดับโลกมาจัดที่ไทย อย่าง EDC (เทศกาลดนตรีฝั่งสหรัฐอเมริกา)

ตัวอย่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ ที่เราเห็นชัดคือ ‘สิงคโปร์’ กับการปักหมุดเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีคอนเสิร์ตของ Taylor Swift สามารถสร้าง Swiftnomics ได้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

เพราะนักท่องเที่ยวสายดนตรี หรือ เหล่า Ravers คือกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่พร้อมจ่ายเงินราคาแพงเพื่อแลกกับประสบการณ์ที่พวกเขาจะได้รับ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วมีการใช้จ่ายมากกว่า 50,000 บาท/คน/ทริป (จากข้อมูลของ EDC Thailand 2025)

บทความนี้ SPOTLIGHT มีโอกาสคุยสุด exclusive กับ 2 ผู้จัดงาน EDC Thailand คุณณพมนัส สังขทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Future Vibes Thailand และคุณธีร์ โตษยานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Future Vibes Thailand ถึงการปั้น ‘เทศกาลดนตรี’ ที่ ‘ภูเก็ต’ ดีลใหญ่ของไทยที่หวังดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้าประเทศ

ในที่สุดประเทศไทยก็มี EDC เป็นของตัวเอง!

หากคุณได้มีโอกาสพูดคุยกับนักท่องเที่ยวสายดนตรี EDM แล้วถามว่าอะไรคืองานดนตรีที่คุณอยากไปมากที่สุดในชีวิต เชื่อว่ากว่า 90% จะตอบว่า EDC

เพราะ EDC คือ เทศกาลดนตรี EDM ขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1997 หรือเมื่อ 28 ปีที่แล้ว (นับตอน Insomniac เข้ามา) มีจัดเพียงแค่ 5 ประเทศในโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (Las Vegas, Orlando), แม็กซิโก, จีน, เกาหลีใต้ และล่าสุดคือประเทศไทย ซึ่งในแต่ละปีสามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมงานได้เกิน 600,000 คนในระยะเวลา 3 วันที่จัดงาน สร้างเงินสะพัด กระตุ้นเศรษฐกิจเป็นวงกว้างต่อการท่องเที่ยว

สำหรับประเทศไทย เรามี EDC ครั้งแรกเมื่อต้นปี 2025 โดยการนำทัพของ บริษัท Future Vibes Thailand ที่ได้ตามจีบ Insomniac เจ้าของเชนจากฝั่งสหรัฐอเมริกามานานกว่า 2 ปี

คุณณพมนัสได้เปิดใจเล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า “กว่าฝั่งสหรัฐอเมริกาจะยอมมาจัดงาน EDC ในประเทศไทย ผมใช้เวลานานกว่า 2 ปีในการจีบ ซึ่งบริษัท Insomniac เป็นบริษัทที่มี festival อยู่เยอะมาก มากกว่า 300-400 เทศกาลที่อยู่ในมือเลยก็ว่าได้ แต่อันที่เราคุ้นหูกันน่าจะเป็น Rolling Loud ที่จัดขึ้นที่เมืองไทย แต่ EDC เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดของเขา เขาก็ค่อนข้างพิถีพิถันและเลือกคนที่จะมาจัดงานให้”

ก่อนที่ฝั่งสหรัฐอเมริกาจะตอบตกลง ได้มีการส่งทีมงานมา survey พื้นที่หลายครั้งมาก เพื่อดูความพร้อมทั้งในแง่ของสถานที่จัดงาน ทีมงานคนไทย โรงแรมที่พักที่ต้องเพียงพอกับนักท่องเที่ยว รวมถึงการเดินทางว่าสะดวกต่อผู้ร่วมงานมากน้อยแค่ไหน

EDC Thailand 2025 กระตุ้นเศรษฐกิจภูเก็ตอย่างไร ?

EDC Thailand 2025 ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ภูเก็ต ประเทศไทย เมื่อวันที่ 17-19 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา โดยตลอด 3 วันมีผู้ร่วมงานมากกว่า 150,000 คน ดันให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามายังภูเก็ตเพิ่มขึ้นกว่า 21% (เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024) สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 58,000 ล้านบาท

สิ่งที่น่าสนใจที่ EDC Thailand แตกต่างจากเทศกาลดนตรีอื่น ๆ คือ กว่า 70% ของผู้ร่วมงานเป็นชาวต่างชาติ โดยเป็นชาวอเมริกันถึง 30% ออสเตรเลีย 10% และที่เหลือเป็นผู้เข้าร่วมงานจากแถบอาเซียน และจีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง ยุโรป

“ผมจัด Music Festival ที่ไทยมาเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว Target Group จะเป็นคนไทยหรือประเทศในโซนเอเชีย แต่ EDC เป็น Music Festival แรกที่สัดส่วนผู้ร่วมงานเป็นชาวอเมริกันและออสตรเลียเป็นส่วนใหญ่ โดยคิดว่าเป็นเพราะชื่อเสียงของ EDC ที่ทุกคนรู้จักอยู่แล้ว เพราะเขาเป็น Global Music Festival” คุณณพมนัส แชร์ให้ทีม SPOTLIGHT ฟัง

ซึ่งต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวสายดนตรีกลุ่มนี้ เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ อยู่นาน จ่ายหนัก ไม่ได้แค่ซื้อบัตรเข้างาน แต่กระจายรายได้ทั่วทั้งชุมชน แม้ว่างานดนตรีจะมีเพียงแค่ 3 วัน แต่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มักมาเที่ยวก่อนและหลังจากที่เทศกาลตรีจบก็ตัดสินใจอยู่เที่ยวไทยต่อ ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยในวงกว้าง โดยเฉลี่ยแล้วมีการใช้จ่ายอย่างน้อยที่สุดอยู่ที่  50,000 บาท/คน/ทริป

นอกจากนั้นยังมีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นระดับบนที่เปิดโต๊ะ sky desk ที่มีราคามากกว่า 1 ล้านบาท/คืน นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะบินแบบ Private Jet พักโรงแรมสุดหรู ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย

ส่วนในแง่ของผู้ประกอบการท้องถิ่น ปฏิเสธไม่ได้ว่า EDC คือ Event ใหญ่ที่สุดของจังหวัด จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนที่ได้มีโอกาสไป EDC Thailand 2025 ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ประกอบการตั้งแต่พนักงานโรงแรม พนักงานนวด พนักงานขับรถ ซึ่งทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ตื่นเต้นมาก และดีใจมากที่ EDC เลือกจัดที่ภูเก็ต”

คุณณพมนัส ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า ในช่วงการจัดงาน EDC Thailand 2025 ภูเก็ตคึกคักมาก เกิดการจ้างงานในพื้นที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2,000-3,000 ตำแหน่ง ทั้งในภาคการคมนาคม อาหาร ที่พัก และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว

ซึ่งในช่วงดังกล่าว โรงแรมในภูเก็ตถูกจองเต็มหมด ข้ามไปถึงพังงา กระบี่ รถรับจ้างทั่วภาคใต้ต้องเข้ามาภูเก็ตเพื่อรับงาน เพราะมีคนเข้าร่วมงานมากกว่า 40,000 คน/วัน

ทำไม EDC Thailand เลือกภูเก็ต ไม่ใช่ กรุงเทพ หรือ พัทยา

เมื่อถามถึงสาเหตุว่าทำไม EDC Thailand จึงเลือกสถานที่จัดงานที่ภูเก็ต ไม่ใช่กรุงเทพ หรือพัทยา คุณณพมนัส ได้เล่าให้ SPOTLIGHT ฟังว่า “จริง ๆ แล้วตอนที่เสนอให้ฝั่งสหรัฐอเมริกา เราได้เสนอไป 3 ที่ นั่นก็คือ กรุงเทพ พัทยา และภูเก็ต แต่สาเหตุที่ทางเราและฝั่งสหรัฐอเมริกาเลือกภูเก็ต เพราะความ Unique ของจังหวัด เป็น Destination ที่ดูมีความเป็นไทยมากที่สุดและแตกต่างจากที่อื่น ๆ”

คุณณพมนัส ได้เล่าต่อว่า สำหรับชาวต่างชาติ ‘ภูเก็ต’ ถือได้ว่าเป็น Top Destination มากกว่ากรุงเทพหรือพัทยาเสียอีก บางคนเมื่อถามว่ารู้จักประเทศไทยไหม สิ่งแรกที่พวกเขาตอบคือ Yes, I know Phuket (ฉันรู้จักภูเก็ต) จึงคิดว่าทำไมเราไม่ลองจัดงานในจังหวัดที่ชาวต่างชาติรู้จักมากอยู่แล้ว ประกอบกับอีกเหตุผลหนึ่ง คือ งานที่จัดที่กรุงเทพหรือพัทยามีค่อนข้างมากแล้ว แต่ที่ภูเก็ตไม่เคยมี Music Festival ใหญ่ ๆ เลย

แต่แน่นอนว่าการที่งานเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ระดับโลกเลือก ‘ภูเก็ต’ ย่อมไม่ได้เลือกเพราะความโด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเลือกจาก ‘ศักยภาพ’ และ ‘ความพร้อม’ ของจังหวัด

ภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความพร้อมเป็นทุนเดิมอยู่แล้วในเรื่องการท่องเที่ยว มีทั้งสายการบิน Direct Flight มาจาก 60 เมืองทั่วโลก มีโรงแรมกว่า 70,000 ห้อง (ที่จดทะเบียน และคาดว่ามีรวมมากถึง 200,000 ห้อง รวมห้องพักเล็ก ๆ) และกว่า 70% ของนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตเป็นชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง

2 ผู้ประกอบการท้องถิ่นฝั่งโรงแรมและท่องเที่ยวของภูเก็ต ได้เปิดใจว่า การที่ EDC เลือกมาจัดที่ภูเก็ตแสดงให้เห็นแล้วว่า ภูเก็ตไม่ได้มีดีแค่ Sea - Sand - Sun หรือ แค่ Beach Destination แต่ภูเก็ตมีอาหารพื้นเมืองที่อร่อย มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม รวมถึงการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม Lifestyle และการที่มีเทศกาลดนตรีระดับโลกมาเลือกจัด มันช่วยเพิ่มเสน่ห์ของภูเก็ตให้มีมิติมากขึ้น

สิ่งที่จังหวัดต้องการคือต้องการนักท่องเที่ยวที่มี Value มากกว่า Volume ต้องการให้คนอยู่แบบ Long Stay มากกว่า Short Stay และต้องการโปรโมตจังหวัดมากกว่าการ Hard Sell เพราะสิ่งที่ยากที่สุดคือการทำให้นักท่องเที่ยวที่มาแล้วกลับมาเที่ยวซ้ำ

ส่อง EDC Thailand 2026 มีอะไรเลิศ ?

สำหรับงาน EDC Thailand 2026 จะจัดขึ้นวันที่ 16–18 มกราคม 2569 ณ Rhythm Park จังหวัดภูเก็ต ด้วยคอนเซ็ปต์ “Bigger, Brighter, and More Immersive Than Ever” โดยในปีนี้งานจะขยายสเกลอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งด้านพื้นที่ โปรดักชัน และประสบการณ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่จะมีการนำมาตรฐานการผลิตเต็มรูปแบบระดับเดียวกับ EDC Las Vegas มาสู่ประเทศไทย

ภายในงาน (Main Event) จะประกอบด้วยเวที

  • kineticFIELD ที่เป็นหัวใจสำคัญ และสัญลักษณ์ของ EDC ที่มาพร้อมวิวัฒนาการของแสง และเสียง
  • circuitGROUNDS โดดเด่นด้วยกำแพง LED ขนาดมหึมา และเอฟเฟ็กต์ไฟสุดตระการตา
  • stereoBLOOM เวทีที่รวบรวมแนวดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย
  • bionicJUNGLE เวทีเฮาส์มิวสิกท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม
  • boombox Art Car ที่มอบประสบการณ์ทางดนตรีเพื่อสนับสนุนศิลปินท้องถิ่นและศิลปินในภูมิภาค

นอกจากนี้ ยังมีโซน Binary Beach พื้นที่สำหรับเติมเต็มจิตวิญญาณ (Space for the soul) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากดอกไม้ทะเล (Sea Anemone) เพื่อเฉลิมฉลองความเป็นตัวของตัวเอง ความสนุกสนาน และอิ่มเอมใจผ่านดนตรี และงานดีไซน์ โดยมีไฮไลต์สำคัญคือ Mini Tropical Stage, Ya-Dong Bar, Workshop Zone และ Wellness Area รวมถึงงานศิลปะจัดวาง (Art Installations) ที่กระจายอยู่ทั่วโซนต่าง ๆ เช่น Daisy Fields, Bamboo Village, และ Pixel Forest

มา EDC ที่ไทยแตกต่างยังไงกับไป EDC ประเทศอื่น?

คุณธีร์ ได้แชร์มุมมองในฐานะผู้จัด EDC Thailand ให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า  EDC เป็นเทศกาลดนตรีที่มาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีชื่อเสียงด้วยตัวเองในระดับ Global Music Festival อยู่แล้ว แต่เมื่อมาจัดที่ประเทศไทย ต้องปรับเรื่องประสบการณ์ให้มีความเป็นไทยและเอเชียนมากขึ้น ต้องทำให้คนที่เคยไป EDC ประเทศอื่น รู้สึกแตกต่างเมื่อมา EDC ที่ประเทศไทย

นอกจากนั้น คุณธีร์บอกว่า EDC แตกต่างจาก Festival อื่น ๆ เพราะไม่ใช่ว่าเราไปดู DJ แล้วจบ แต่มันคือการหลุดเข้าไปในโลกของเสียงเพลง ใช้ชีวิต กิจกรรม อาหาร lifestyle หรือ wellness ซึ่งเป็นจุดเด่นของประเทศไทย

ศักยภาพของประเทศไทย พร้อมแล้วกับการจัดงานเทศกาลดนตรีระดับโลก ?

เมื่อถามถึงเรื่องความพร้อมของประเทศไทยในแบบองค์รวม คุณธีร์ ได้เล่าได้แชร์มุมมองว่า EDC เป็นงานที่ค่อนข้างใหญ่ อันดับต้น ๆ ของเอเชีย และตอนนี้เป็น EDM Festival ที่ใหญ่ที่สุดในไทยแล้ว แต่ยังต้องมีองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วยในการผลักดัน อย่างเช่น ที่พัก การคมนาคม infrastructure ต่าง ๆ ซึ่งถ้าหลาย ๆ ฝ่ายช่วยกันสนับสนุนเรื่องนี้ก็คิดว่าไทยจะเป็น destination ที่ทำให้งานระดับโลกอยากมาจัดงานที่ไทยเพิ่มขึ้น

“คิดว่าตอนนี้ประเทศไทยกำลังพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เช่น เรามีสถานที่จัดงานใหม่ ๆ มากขึ้น ผู้คนเริ่มตอบรับมากขึ้น เปิดรับกับดนตรีแนวใหม่ ๆ มากขึ้น วัยรุ่นไทย-คนไทยชอบไปคอนเสิร์ตอยู่แล้ว คิดว่าหลาย ๆ อย่างถ้าถูกพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น มีผู้สนับสนุนจากทางภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น เราก็จะไปไกลขึ้น ด้วยพลังของ Festival Economy และเชื่อว่าไทยสามารถเป็น Global Asia Hub ของ Festival ได้แน่นอน”

แชร์
คุยกับ 2 ผู้จัด EDC Thailand ทําไมเลือกปั้น‘เทศกาลดนตรี’ ที่ ‘ภูเก็ต’