แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขาหมายตารางวัลด้านสันติภาพระดับโลกอย่างจริงจัง โดยยื่นมือเข้าจัดแจงความขัดแย้งตั้งแต่ระดับสงคราม อย่างสงครามอิสราเอล-ฮามาส สงครามรัสเซียยูเครน ไปจนถึงการปะทะระดับชายแดนอย่างอินเดียและปากีสถาน รวมถึงการปะทะชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาด้วย
แต่คณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ประจำปีนี้ ได้มอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2025 ให้แก่ “มาเรีย คอรินา มาชาโด” ผู้นำฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา เธอได้รับการยกย่องว่าได้ส่งเสริมสิทธิประชาชนและสร้างประชาธิปไตยให้กับชาวเวเนซุเอลา
บนเว็บไซต์ทางการของ Nobel Prize เผยแพร่ประวัติของเธอ ระบุว่า มาเรียรักษาเปลวไฟแห่งประชาธิปไตยให้ลุกโชนท่ามกลางความมืดมิดที่เพิ่มมากขึ้น โดยเป็นผู้นำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยท่ามกลางระบอบเผด็จการที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในเวเนซุเอลา
มาเรียศึกษาวิศวกรรมศาสตร์และการเงิน และมีอาชีพด้านธุรกิจเพียงระยะสั้น ๆ ในปี 1992 เธอได้ก่อตั้งมูลนิธิ Atenea ซึ่งทำงานเพื่อช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนในกรุงการากัส สิบปีต่อมา เธอเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคซูมาเต ซึ่งส่งเสริมการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม และได้จัดการฝึกอบรมและติดตามผลการเลือกตั้ง ในปี 2010 เธอได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และได้รับคะแนนเสียงมากเป็นประวัติการณ์
เส้นทางของนักต่อสู้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ รัฐบาลกีดกันเธอออกจากวงการเมืองแบบเดิม ๆ เพื่อรักษาอำนาจไว้ โดยได้ขับไล่มาเรียออกจากตำแหน่งในปี 2014 ก่อนที่ในปี 2017 เธอจะทำงานใหญ่และมีความเสี่ยง เพื่อร่วมก่อตั้งพันธมิตรฝ่ายค้าน “Soy Venezuela alliance” ซึ่งรวมพลังสนับสนุนประชาธิปไตยในประเทศให้ก้าวข้ามเส้นแบ่งทางการเมือง
ในปี 2023 เธอชนะการเลือกตั้งขั้นต้นของฝ่ายค้านอย่างถล่มทลาย และถูกเสนอชื่อเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีถัดไป แต่เป็นอีกครั้งที่ถูกขัดขวาง เมื่อรัฐบาลได้สั่งตัดสิทธิ์เธอจากการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 15 ปี เธอจึงหันมาสนับสนุนเอ็ดมุนโด กอนซาเลซ อูร์รูเตีย ผู้สมัครสำรองของฝ่ายค้าน
ฝ่ายค้านและผู้สนับสนุนของมาเรียได้ระดมกำลังอย่างกว้างขวางเพื่อรณรงค์หาเสียงและจัดทำ เอกสารการนับคะแนน (actas) เพื่อยืนยันผลการเลือกตั้งอย่างเป็นระบบว่าตนเองคือผู้ชนะที่แท้จริงในการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลของนิโคลัส มาดูโร ก็ยังคงประกาศว่าตนเป็นผู้ชนะ และดำเนินการ กระชับอำนาจ รวมถึงปราบปรามฝ่ายค้านอย่างรุนแรงขึ้น
การประกาศผลรางวัลโนเบลจะจัดขึ้นในสองเมืองหลัก คือ สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน และ ออสโล ประเทศนอร์เวย์ ขึ้นอยู่กับสาขาของรางวัล สำหรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เป็นสาขาเดียวที่จะประกาศ ณ สถาบันโนเบลแห่งนอร์เวย์ (Norwegian Nobel Institute) ขณะที่รางวัลส่วนใหญ่ จะประกาศที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน โดยผู้ได้รับรางวัลสาขาต่าง ๆ ในปีนี้ ได้แก่
สาขาฟิสิกส์ (Physics) ตกเป็นของนักฟิสิกส์ 3 คนคว้ารางวัลโนเบลจากการเปิดเผย 'คุณสมบัติแปลกประหลาด' ของโลกควอนตัม พวกเขาเป็นชาวอังกฤษ ชาวฝรั่งเศส และชาวอเมริกัน ได้แก่ ตอห์น คลาร์ก, ไมเคิช เอช. เดโวเรท และ จอห์น เอ็ม. มาร์ทินิส
สาขาเคมี (Chemistry) ผู้พิชิตรางวัลโนเบลสาขาเคมี ประจำปี 2025 ได้แก่ ศาสตราจารย์ซูซูมุ คิตะกาวะ จากมหาวิทยาลัยเกียวโตของญี่ปุ่น, ศาสตราจารย์ริชาร์ด ร็อบสัน จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นของออสเตรเลีย, และศาสตราจารย์โอมาร์ ยากี จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์ของสหรัฐฯ สำหรับการพัฒนา โครงข่ายโลหะ-อินทรีย์ นำไปใช้ในการดักจับและกักเก็บก๊าซ หรือเร่งปฏิกิริยาเคมีได้
สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ (Physiology or Medicine) ผู้พิชิตรางวัลได้แก่ แมรี อี. บรันโคว์, เฟร็ด แรมสเดลล์ และชิมอน ซากางูจิ สำหรับการค้นพบที่เกี่ยวข้องกับความทนทานทางภูมิคุ้มกันส่วนปลาย (peripheral immune tolerance) ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ระบบภูมิคุ้มกันทำอันตรายต่อร่างกาย
สาขาวรรณกรรม (Literature) ผู้ได้รับรางวัลคือ ลาซโล คราซนาฮอร์ไค นักเขียนชาวฮังการี เนื่องจากมีผลงานวรรณศิลป์ที่ดึงดูดใจจนยากจะต้านทาน และเต็มเปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ และสาขาเศรษฐศาสตร์ (The Sveriges Riksbank Prize in Economic Sciences) จะมีการประกาศรางวัลในสัปดาห์หน้า