เตือนภัยสาวๆ เช็กอาหารและเครื่องดื่มที่ควรเลี่ยง ดื่ม-กินประจำเสี่ยงเกิดมะเร็งเต้านมได้ ตามคำแนะนำของ สมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน
โรคมะเร็ง เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของหลายประเทศ โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้หญิงทั่วโลก ที่พบว่ามีเพียง 5-10% ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเท่านั้น ที่ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากคนในครอบครัว ในขณะที่ 85-90% เกิดจากพันธุกรรมที่เปลี่ยนไปจากอายุที่มากขึ้น ซึ่งเราสามารถทำให้สุขภาพดีได้โดยการ รับประทานอาหารที่สมดุล ควบคุมน้ำหนัก หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
สมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน (American Cancer Society หรือ ACS) แนะนำการเลือกรับประทานอาหาร อาหารและเครื่องดื่มแบบใดที่ควรเลี่ยง เพราะเป็นตัวจุดชนวนความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้
เนื้อแดงและเนื้อแปรรูป
เนื้อแดง คือเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการแปรรูปจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น เนื้อวัว เนื้อลูกวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ เนื้อแกะ เนื้อม้า หรือเนื้อแพะ รวมถึงเนื้อบดหรือเนื้อแช่แข็ง ส่วนเนื้อสัตว์แปรรูป ได้แก่อาหารที่ได้รับการแปรรูปโดยการบ่ม รมควัน หมักเกลือ หรือกระบวนการอื่นๆ เพื่อปรับปรุงการถนอมอาหารหรือเพิ่มรสชาติ เช่น เบคอน ไส้กรอก แฮม โบโลญญา ฮอทดอก และเนื้อเดลี่ เนื้อสัตว์แปรรูปส่วนใหญ่มีส่วนผสมของเนื้อหมูหรือเนื้อวัว แต่ก็อาจมีเนื้อแดง เนื้อสัตว์ปีก หรือผลพลอยได้จากเนื้อสัตว์อื่นๆ ร่วมด้วย
เนื้อแดงและเนื้อแปรรูปนั้นมีหลักฐานบ่งชี้ว่านานแล้วว่ามีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง รวมถึงองค์กรด้านสุขภาพหลายแห่งยังแนะนำให้จำกัดการรับประทานหรือหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ เช่น ในปี พ.ศ. 2558 สำนักงานวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) สรุปว่าเนื้อแปรรูปจัดอยู่ในกลุ่ม 1 (สารก่อมะเร็งในมนุษย์) และเนื้อแดงจัดอยู่ในกลุ่ม 2A (อาจเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์) โดยอ้างอิงจากหลักฐานที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ของเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปในการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมากบางชนิด
โดยสมาคมโรคมะเร็งอเมริกันแนะนำให้เลือกอาหารที่มีโปรตีน เช่น ปลา สัตว์ปีก ถั่ว บ่อยกว่าเนื้อแดง และสำหรับผู้ที่รับประทานผลิตภัณฑ์จากเนื้อแปรรูป ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะสม
อาหารแปรรูปสูงและผลิตภัณฑ์ธัญพืชขัดสี
เริ่มตั้งแต่อาหารแปรรูปน้อย เช่น แป้งโฮลเกรนและพาสต้า ไปจนถึงอาหารแปรรูปสูง เช่น ขนมหวานจากธัญพืชที่ผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม อาหารพร้อมรับประทานหรืออุ่นร้อน อาหารว่าง เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ลูกอม และอาหารอื่นๆ ที่ไม่ได้มาจากแหล่งที่มาดั้งเดิมของพืชหรือสัตว์ โดยอาหารแปรรูปสูงมักจะมีไขมัน น้ำตาล ธัญพืชขัดสี และโซเดียมที่สูงกว่าอาหารไม่ได้ผ่านการแปรรูป ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับผลกระทบต่อสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงโรคมะเร็งเต้านมด้วยเช่นกัน
รูปแบบการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ควรทาน เช่น อาหารที่มีสารอาหารสูงในปริมาณที่ช่วยให้คุณมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม และช่วยรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสมได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่
เครื่องดื่มที่ควรเลี่ยง
ดีที่สุดคือไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรือดื่มให้น้อยลง หากดื่ม ไม่ควรดื่มเกิน 1 ดริงก์ต่อวันสำหรับผู้หญิง และ 2 ดริงก์ต่อวันสำหรับผู้ชาย โดย 1 ดริงก์ หรือ 1 ดื่มหน่วยมาตรฐาน (standard drink) คือปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 10 กรัม ซึ่งร่างกายสามารถขับออกได้ภายใน 1 ชั่วโมง โดยปริมาณ 1 ดื่มมาตรฐานจะแตกต่างกันไปตามชนิดเครื่องดื่ม
การดื่มแอลกอฮอล์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมก่อนวัยหมดประจำเดือน และเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมหลังวัยหมดประจำเดือนในผู้หญิง นอกจากนี้หากดื่มแอลกอฮอล์ไปพร้อมๆ กับการสูบบุหรี่หรือใช้ยาสูบ จะทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งช่องปาก กล่องเสียง และหลอดอาหารมากกว่าผลของการดื่มหรือสูบบุหรี่เพียงอย่างเดียวหลายเท่า การวิจัยบางกรณีแสดงให้เห็นว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณใดๆ ก็ตาม จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน
เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้แบบกล่อง ชานมไข่มุก เป็นต้น ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้มีการเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานที่มีแคลอรีสูง ซึ่งจะเสี่ยงต่อการเพิ่มน้ำหนักตัวทำให้เกิดโรคอ้วน ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิดตามมา ได้แก่ มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก , มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก , มะเร็งหลอดอาหาร , มะเร็งไต , มะเร็งตับ , มะเร็งรังไข่ , มะเร็งตับอ่อน , มะเร็งกระเพาะอาหาร , มะเร็งต่อมไทรอยด์ , มะเร็งไมอีโลม่าชนิดมัลติเพิล , เนื้องอกรวมถึงมะเร็งเต้านมในสตรีวัยหมดประจำเดือนด้วย
นอกจากการรับประทานอาหารแล้ว ยังควรทำกิจกรรมทางกายด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำร่วมด้วย โดยผู้ใหญ่ควรออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นปานกลาง 150-300 นาทีต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูง 75-150 นาที เด็กและวัยรุ่นควรออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นปานกลางหรือหนักอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน
และลด ละ เลิกพฤติกรรมที่ต้องอยู่นิ่งหรืออยู่ประจำที่ เช่น นั่ง นอน ดูโทรทัศน์ และความบันเทิงอื่นๆ บนหน้าจอ ให้น้อยลง ขยับตัวให้มากขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิง เพราะการออกกำลังกายโดยเฉพาะการออกกำลังกายระดับปานกลางถึงหนัก จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านมหลังหมดประจำเดือน และอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคก่อนหมดประจำเดือนได้ด้วย
Advertisement