Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ไม่รับยา ไม่ฉีดวัคซีน แนวคิดการแพทย์ขวาจัดในอเมริกาที่ปฏิเสธการรักษา
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ไม่รับยา ไม่ฉีดวัคซีน แนวคิดการแพทย์ขวาจัดในอเมริกาที่ปฏิเสธการรักษา

23 ก.ย. 68
14:40 น.
แชร์

ขวาจัดทางศาสนา ปฏิเสธการรักษาเพราะเชื่อในพระเจ้า

ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เด็กหญิงวัย 8 ปี ในรัฐเท็กซัส เสียชีวิตลงด้วยภาวะปอดล้มเหลวเนื่องจากโรคหัด คุณหมอวินิจฉัยว่า หนูน้อยไม่มีปัญหาสุขภาพใด ๆ มาก่อนหน้านี้ แต่เธอไม่ได้ฉีดวัคซีน MMR หรือวัคซีนรวมคางทูม หัด หัดเยอรมัน และเธอยังนับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 2 จากการระบาดของโรคหัดในรัฐเท็กซัส หลายคนมองว่า เด็ก ๆ เหล่านี้ไม่น่าจะต้องมาจบชีวิตด้วยความเชื่อผิด ๆ ของพ่อแม่เลย

ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกในชุมชนเมนโนไนต์ (Mennonite) ในรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นชุมชนที่มีอัตราการรับวัคซีนต่ำ สาเหตุหลักไม่ได้มาจากข้อห้ามทางศาสนาโดยตรง แต่เป็นปัจจัยทางวัฒนธรรมและความเชื่อส่วนบุคคลที่สั่งสมมานาน สมาชิกบางส่วนมีความเชื่อว่า สุขภาพและการรักษาโรคเป็นเรื่องที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า และยอมรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็น "ชะตา" หรือ "น้ำพระทัย" ของพระองค์

ชุมชนเมนโนไนต์บางกลุ่มพยายามใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและแยกตัวจากสังคมกระแสหลัก ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงการพึ่งพาระบบสาธารณสุขสมัยใหม่ และมักจะพึ่งพาการดูแลสุขภาพภายในชุมชนหรือการรักษาแบบดั้งเดิมมากกว่า อย่างไรก็ตาม ชุมชนเมนโมไนต์ไม่ใช่กลุ่มเดียวในสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธการรักษาแบบการแพทย์สมัยใหม่ กลุ่มเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วประเทศและมีอิทธิพลต่อกฎหมายด้านสาธารณสุขด้วย

การปฏิเสธการถ่ายเลือด นับเป็นอีกหนึ่งแนวคิดขวาจัดที่เชื่อมโยงกับศาสนา สมาชิกของกลุ่มผู้นับถือพระยะโฮวา จะไม่ยอมรับการถ่ายเลือด (blood transfusions) เนื่องจากตีความพระคัมภีร์ไบเบิลว่าเป็นการ "บริโภคเลือด" ซึ่งถือเป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้น  ผู้ใหญ่ที่ปฏิเสธการถ่ายเลือด ถือเป็นการใช้สิทธิของผู้ป่วยในการตัดสินใจเลือกการรักษาของตนเอง (patient's right to self-determination) 

แต่สำหรับเด็ก การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับผู้ปกครอง ซึ่งในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ มีกฎหมายที่ให้อำนาจศาลเข้าแทรกแซงและบังคับให้มีการถ่ายเลือดได้ หากแพทย์เห็นว่า จำเป็นเพื่อรักษาชีวิตของเด็กหากผู้ปกครองปฏิเสธการถ่ายเลือดในกรณีที่แพทย์พิจารณาว่าจำเป็นเร่งด่วนเพื่อช่วยชีวิต ศาลอาจออกคำสั่งให้ผู้ปกครองหมดอำนาจในการตัดสินใจชั่วคราวเพื่อให้แพทย์สามารถถ่ายเลือดช่วยชีวิตเด็กได้

การแพทย์อเมริกาสั่นสะเทือน ใต้เงารัฐบาลทรัมป์

แนวคิดการปฏิเสธการรักษาสมัยใหม่เช่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในกลุ่มของผู้นับถือศาสนากลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น แต่นักการเมือง ซีอีโอบริษัทดัง ผู้ผลักดันกฎหมาย หรือกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางความคิดสายขวาจัดหลายคนในสหรัฐฯ  ก็มีความเชื่อที่สวนทางกับการแพทย์กระแสหลักเช่นกัน

ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เพิ่งจะประกาศเตือนว่า แม่ตั้งครรภ์ที่รับยาแก้ปวดประเภทพาราเซตามอล อาจส่งผลให้ทารกมีภาวะออทิซึม ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองและการเติบโตของเด็กได้ คำพูดของเขาสวนทางกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่วงการแพทย์ยึดถือกันมาหลายสิบปีว่ายาตัวนี้ปลอดภัยกับแม่ตั้งครรภ์ที่สุด และยังไม่มีวิจัยที่ชี้ชัดว่า ยาตัวนี้มีผลต่อภาวะออทิซึมในเด็ก

 “โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์”

ภายใต้เงาการเมืองสายขวาจัดที่เดินหน้าด้วยรัฐบาลทรัมป์ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์อย่าง “โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์” เป็นผู้กุมบังเหียน เขาเป็นที่รู้จักกันดีว่าต่อต้านการใช้วัคซีนอย่างสุดโต่ง เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขาสั่งปลดคณะกรรมการที่ปรึกษาแนวทางปฏิบัติเพื่อส่งเสริมภูมิคุ้มกัน (ACIP) ทั้งหมด 17 ราย ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคในเรื่องวิธีการใช้วัคซีน โดยอ้างว่า สมาชิกส่วนใหญ่ได้รับเงินสนับสนุนจำนวนมากจากบริษัทยา รวมถึงบริษัทที่ทำการตลาดวัคซีน

เขาแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะชัดเจนว่า ไม่สนับสนุนการใช้วัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ เคนเนดีกล่าวในบทสัมภาษณ์ว่า "วัคซีนจะไม่มีใครเอาอีกต่อไป" อีกทั้งยังเคยให้สัมภาษณ์ในหลาย ๆ รายการว่า “โรคออทิสติกเกิดจากวัคซีน” กลายมาเป็นการแถลงนโยบายด้านการรักษาโรคของทรัมป์ในวันนี้ เมื่อแนวคิดสายขวาจัดขึ้นมามีอำนาจในสภา การแพทย์และสาธารณสุขสหรัฐฯ จึงต้องสั่นสะเทือน

Covid-19 ทำกระแสต้านวัคซีนขยายวงกว้าง 

ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ความเชื่อมโยงนี้ชัดเจนขึ้นอย่างมาก พรรครีพับลิกันและผู้สนับสนุนจำนวนมากแสดงท่าทีต่อต้านวัคซีนและมาตรการควบคุมโรคอย่างเปิดเผย ซึ่งแตกต่างจากแนวทางของพรรคเดโมแครตที่สนับสนุนมาตรการทางวิทยาศาสตร์อย่างเข้มข้น

ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์เริ่มต้นดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง ผลสำรวจทางด้านสาธารณสุขสหรัฐฯ KFF ระบุว่า ความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อข้อมูลด้านสุขภาพจากหน่วยงานด้านสุขภาพที่สำคัญลดลงในช่วง 18 เดือนก่อนทรัมป์รับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ 

ประชาชนกว่า 53% กล่าวว่า พวกเขาไว้วางใจสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ ในการให้คำแนะนำด้านสุขภาพที่ถูกต้องในระดับที่เหมาะสม แต่ตัวเลขนี้ลดลงมาจากเดือนมิถุนายนปี 2023 ที่ความไว้วางใจของประชาชนอยู่ที่ 65% ขณะที่ความเชื่อมั่นในคำแนะนำด้านสุขภาพจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ก็ลดลงเล็กน้อยจาก 66% ในปี 2023 เหลือ 61% ในปี 2025 ส่วนผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันมีความไว้วางใจสถาบันด้านสุขภาพเหล่านี้น้อยกว่าแฟนคลับของพรรคเดโมแครตมาก 

ล่าสุด โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ประกาศแผนยกเลิกเงินทุน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการพัฒนาวัคซีน mRNA เพื่อต่อสู้กับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อการพัฒนาวัคซีน  22 โครงการ ซึ่งนำโดยบริษัทเภสัชกรรมรายใหญ่ รวมถึง Pfizer และ Moderna เพื่อสร้างวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกและไวรัสอื่น ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ และกระแสต่อต้านการแพทย์สมัยใหม่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้หลายฝ่ายกังวลกันว่า สุขภาพของประชาชนชาวอเมริกันกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงหรือไม่ ปีเตอร์ ลูรี อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการที่สหรัฐฯ "หันหลังให้กับหนึ่งในเครื่องมือที่มีแนวโน้มมากที่สุดในการต่อสู้กับโรคระบาดครั้งต่อไป"


แชร์
ไม่รับยา ไม่ฉีดวัคซีน แนวคิดการแพทย์ขวาจัดในอเมริกาที่ปฏิเสธการรักษา