ชีวิตนี้ หากอยากมีเงินล้านกับเขาบ้าง มีได้หลายทางเลือก อย่างการเสี่ยงดวงยอดฮิตที่ลุ้นกันทุกครึ่งเดือนด้วยสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือการทยอยสะสมเงินและลงทุนในช่วงวัยการทำงาน ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน ซึ่งแต่ละทางเลือกก็มีโอกาสถึงเงินล้านได้ไม่เท่ากัน รวมถึงความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นด้วยเช่นกัน
บทความนี้จะมาแจกแจง 5 ทางเลือกลุ้นเงินล้าน แบบไหนที่ใช่สำหรับเรา เพื่อใช้ตัดสินใจเลือกให้เหมาะกับตนเอง
สลากกินแบ่งรัฐบาลที่ 1 ปี มีออกรางวัล 24 งวด ด้วยต้นทุนมาตรฐาน ใบละ 80 บาท ถ้าซื้อทุกงวดๆ ละ 1 ใบ ตลอด 30 ปี รวมซื้อ 720 ใบ คิดเป็นเงิน 57,600 บาท แต่ใครเน้นซื้อเป็นชุด แบบตั้งใจว่าจะเป็นเศรษฐีจากการถูกรางวัลในครั้งเดียว เช่น ซื้อครั้งละ 5 ใบ เท่ากับว่าตลอด 30 ปี ซื้อ 3,600 ใบ เป็นเงินรวมสูงถึง 288,000 บาท
ในขณะที่โอกาสถูกรางวัลที่ 1 ที่ได้รางวัลละ 6 ล้านบาท มีโอกาสถูกเพียง 1 ในล้านเท่านั้น เช่น การประกาศรางวัลรอบวันที่ 1 ต.ต. 68 รางวัลที่ 1 คือ “876978” จากเลขสลากทั้งหมด 1 ล้านเลข “000000” – “999999” ซึ่งหากถูกรางวัล ก็คิดเป็นผลตอบแทนที่สูงถึง 12,500 เท่าของต้นทุนสลาก 1 ใบ หรือซื้อทุกงวดตลอด 30 ปี หากมีโอกาสได้รางวัลสัก 1 ครั้งในชีวิต ก็คิดเป็นผลตอบแทน 17.36 เท่าของต้นทุนสลาก 720 ใบ ที่ซื้อไป แต่หากไม่ถูกรางวัลเลย ก็เท่ากับขาดทุน 100% หรือสูญเงินต้นทั้งหมดที่จ่ายไป ซึ่งรวมตลอดชีวิตที่ซื้อถือเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย
ตัวอย่างสลากออมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด คงหนีไม่พ้น สลากออมสิน เช่น “สลากออมสินพิเศษดิจิทัล 2 ปี” ซื้อได้หน่วยละ 100 บาท จับรางวัลทุกเดือน รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ส่วนรางวัลที่ 2 มูลค่า 1 ล้านบาท แม้โอกาสถูกรางวัลจะต่ำกว่าสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่หากถือสลากได้ครบระยะเวลา เช่น 2 ปี นอกจากได้เงินต้นคืนทั้งจำนวนแล้ว ยังได้ดอกเบี้ยอีกประมาณ 0.325%ต่อปีด้วย
โดยหากเปลี่ยนจากการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล เดือนละ 200 บาท (สมมติซื้อใบละ 100 บาท เดือนละ 2 งวด) มาซื้อสลากออมสิน ทุกเดือนเป็นเวลา 30 ปี โดยสลากที่ครบ 2 ปีนำกลับมาซื้อสลากออมสินเพื่อสะสมต่อ นอกจากได้มีลุ้นเงินรางวัล 30 ล้านบาท และ 1 ล้านบาทแล้ว แม้ไม่ถูกรางวัลใดๆ ตลอด 30 ปี เงินค่าซื้อสลากรวม 72,000 บาท ก็ยังอยู่ครบ แถมเมื่อรวมกับดอกเบี้ยแล้วเงินยังเติบโตขึ้นเป็น 75,498 บาทด้วย
หากอยากได้เงิน 1 ล้านบาทแน่ๆ แบบไม่ลุ้นรางวัลใหญ่ ก็สามารถเลือกซื้อสลากออมสินทุกเดือนๆ ละ 2,700 บาท เมื่อรวมกับดอกเบี้ยแล้ว ผ่านไป 30 ปี ก็จะมีเงินก้อน 1 ล้านบาท ได้แน่นอน
สลาก กอช. หรือที่หลายคนเรียกว่า “หวยเกษียณ” ที่คาดว่าจะเริ่มเปิดขายได้ ธ.ค. 68 นี้ โดยคนไทยที่มีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ทุกคนสามารถซื้อได้ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร หรืออายุเกิน 60 ปีแล้วก็ตาม โดยซื้อได้หน่วยละ 50 บาท จับรางวัลทุกสัปดาห์ รางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท ถือว่ามีโอกาสลุ้นได้บ่อยกว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากออมสิน ซึ่งหากซื้อสลาก กอช. ทุกเดือนๆ ละ 50 บาท เป็นเวลา 30 ปี แม้ไม่ถูกรางวัลเลย เงินค่าซื้อสลากรวม 18,000 บาท ก็ยังอยู่ครบ และยังได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่ม จากการที่ กอช. นำเงินไปลงทุนด้วย
หรือหากอยากมีเงินล้านแน่ๆ จาก กอช. ก็สามารถเลือกซื้อสูงสุดเต็มเพดานทุกเดือนๆ ละ 3,000 บาท เป็นเวลา 30 ปี เงินต้นที่สะสมก็มีได้มากถึง 1 ล้านบาท โดยยังไม่รวมผลตอบแทนจากการลงทุน และโอกาสลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท และรางวัลที่ 2 มูลค่า 1,000 บาท ทุกสัปดาห์ด้วย
ประกันชีวิต เป็นอีกทางเลือกในการสะสมเงินเพื่อให้มีเงินล้านได้ โดยหากจ่ายเบี้ยประกันและถือประกันได้จนครบสัญญา ก็จะได้รับเงินคืนรายปีและเงินครบสัญญาในจำนวนที่แน่นอน ตามที่ระบุไว้ในแบบประกัน โดยผลประโยชน์เงินที่ได้รับทั้งหมด มักสูงกว่าเงินต้นหรือค่าเบี้ยประกันรวมที่จ่ายไป และด้วยเงินคืนที่เท่ากัน หากเริ่มซื้อประกันชีวิตตอนอายุน้อยๆ เงินต้นที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยไปจะน้อยกว่าการซื้อประกันชีวิตตอนอายุเยอะๆ ด้วย
ยกตัวอย่าง ประกันชีวิตของบริษัทประกันแห่งหนึ่ง ที่กำหนดให้ต้องจ่ายเบี้ยคงที่เป็นเวลา 7 ปี แล้วจะได้รับเงินก้อนครบสัญญาตอนอายุ 70 ปี โดยผู้ชายที่เริ่มซื้อหรือสะสมเงินผ่านประกันชีวิตนี้ตอนอายุ 30 ปี ค่าเบี้ยที่จ่ายจะถูกกว่าผู้ชายที่เริ่มซื้อตอนอายุ 50 ปี ถึงเกือบครึ่งหนึ่ง เช่น
สำหรับคนที่เริ่มสนใจการลงทุน หรือพอรับความเสี่ยงได้ ไม่กังวลกับความผันผวนในการลงทุนระยะยาว สามารถมีโอกาสมีเงินล้านได้ ด้วยการลงทุนเพียงเดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 30 ปี ในทางเลือกที่เป็นกองทุนหุ้นโลก ซึ่งที่ผ่านมามีผลตอบแทนเฉลี่ย 10.5%ต่อปี (ผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี ณ 30 มิ.ย. 68 ของ Global Equities) โดยเงินล้านที่ว่าคิดเป็น 5.56 เท่าของเงินที่ลงทุนไป
หรือหากต้องการลงทุนในทางเลือกที่มีเสี่ยงน้อยลง สามารถมีโอกาสมีเงินล้านได้ ด้วยการลงทุนเดือนละ 800 บาท เป็นเวลา 30 ปี ในทางเลือกที่เป็นกองทุนผสม ที่มีการลงทุนในหุ้นประมาณ 65% ซึ่งที่ผ่านมาผลตอบแทนเฉลี่ย 7.7%ต่อปี (ผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี ณ 30 มิ.ย. 68 ของ Diversified Asset ตามนิยามของ J.P. Morgan Asset Management) โดยเงินล้านที่ว่าคิดเป็น 3.47 เท่าของเงินที่ลงทุนไป
สำหรับใครที่คิดว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นโลกหรือกองทุนผสม เป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงที่จะขาดทุน ก็ไม่ใช่ความคิดที่ผิด เพราะจากข้อมูลของ J.P. Morgan Asset Management ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Global Equities มีปีที่ขาดทุนสูงสุดอยู่ที่ -18.0% ตอนปี 2565 ซึ่งผลขาดทุนที่ว่าถือว่ายังค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับผลขาดทุน -100% จากการไม่ถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ซื้อไว้
อยากมีเงินล้าน ไม่จำเป็นต้องเดินบนทางเลือกเดียว อย่างไรก็ตาม ทางเลือกหลักที่หลายคนควรพิจารณา คือ การลงทุน เพราะใช้เงินลงทุนที่น้อยกว่าทางเลือกอื่น เพียงเดือนละ 500-800 บาท มีโอกาสมีเงินล้านได้มากกว่าการเสี่ยงโชคจากสลากต่างๆ และก็ยังสามารถเก็บเงินผ่าน สลาก กอช. และสลากออมทรัพย์ เพื่อลุ้นได้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากเงินรางวัลโดยเงินต้นส่วนนี้ยังคงอยู่ครบ ไม่ต้องกังวลว่าจะขาดทุนเหมือนการลงทุน
นักวางแผนการเงิน CFP