รัฐบาลทหารเมียนมาแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม ว่า มาเลเซียจะส่งคณะผู้สังเกตการณ์มายังเมียนมา เพื่อตรวจสอบการจัดการเลือกตั้วทั่วไปที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 ธันวาคมที่จะถึงนี้ หลายฝ่ายคาดว่าเป็นการสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลชุดใหม่ สร้างความโปร่งใส และลดแรงต่อต้านจากกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่สู้รบกับกองทัพรัฐบาลมาเป็นเวลาหลายปี
สงครามกลางเมืองได้แผ่ขยายไปทั่วเมียนมานับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจจากการรัฐประหารในปี 2021 ส่งผลให้นางออง ซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยถูกจำคุก และรัฐบาลพลเรือนของเธอถูกปลดออกจากตำแหน่ง นับตั้งแต่นั้นมา เมียนมาตกอยู่ภายใต้คณะรัฐบาลทหารนำโดยพลเอกอาวุโสมิน ออง หล่าย และยังไม่เคยประกาศให้มีการเลือกตั้ง จนกระทั่งไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้
อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติและกลุ่มไม่แสวงหากำไรในประเทศ กำลังวิจารณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ว่าเป็นกลอุบายเพื่อทำให้การปกครองโดยทหารยังคงมีความชอบธรรมต่อไป การเลือกตั้งในครั้งนี้จึงถูกขัดขวางอย่างรุนแรงจากสมาชิกรัฐสภาหลายคนที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง รวมถึงกลุ่มฝ่ายค้านติดอาวุธในพื้นที่ ต่างออกมาต่อต้านการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยประณามว่าเป็นเพียงการจัดฉาก
การประกาศเชิญคณะผู้สังเกตการณ์เกิดขึ้นในขณะที่นายโมฮัมหมัด ฮะซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย เดินทางถึงกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อพบปะและหารือกับนายมิน ออง หล่าย ผู้นำคณะรัฐประหารของเมียนมา
Global New Light of Myanmar ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐบาล รายงานว่า นายโมฮัมหมัดได้ให้คำมั่นว่าจะส่งคณะสังเกตการณ์การเลือกตั้งไปที่เมียนมา และในฐานะประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน มาเลเซีย “รับประกันว่าอาเซียนจะเน้นความร่วมมือที่ดีที่สุดกับเมียนมาในการดำเนินการต่าง ๆ”
กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียออกแถลงการณ์ระบุว่า การเลือกตั้งที่เมียนมาวางแผนไว้ รวมถึงการยุติการสู้รบ ก็อยู่ในวาระการประชุมครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ Global New Light of Myanmar ยังกล่าวอีกว่าพรรคการเมือง 57 พรรค “ที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย” และผู้สมัครกว่า 5,000 คนจะลงสมัครรับเลือกตั้งระดับชาติ
รัฐบาลที่นำโดยทหารกล่าวว่า การเลือกตั้งจะจัดขึ้นเป็นระยะ ๆ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม และคาดว่าจะทราบผลการเลือกตั้งในช่วงปลายเดือนมกราคม 2026
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ประการของอาเซียน ในเมียนมาอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการยุติความรุนแรง การเพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการเจรจาแบบครอบคลุมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายในเมียนมา
ความเป็นไปได้ของเลือกตั้งทั่วไปยังคงมีความไม่แน่นอนสูง รายงานเชิงสืบสวนของบีบีซีระบุว่า ขณะนี้กองทัพชาติพันธุ์และกลุ่มต่อต้านหลายกลุ่มควบคุมพื้นที่ของประเทศได้ถึง 42 เปอร์เซ็นต์ และแม้ว่ารัฐบาลทหารจะยังคงยึดครองเมืองหลวง รวมถึงภูมิภาคต่าง ๆ ไว้ได้ แต่การควบคุมพื้นที่หลายแห่งในเมียนมานั้น กำลังถูกโจมตีและชิงอำนาจจากกองทัพที่ต่อต้านมากขึ้นเรื่อย ๆ
จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ คาดว่ามีประชากรเมียนมาประมาณ 20 ล้านคน หรือมากกว่าหนึ่งในสามของประชากรเมียนมา กำลังต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาทุกข์ของอาเซียน ซึ่งโดยปกติแล้วได้รับการสน้บสนุนผ่านศูนย์ประสานงานอาเซียนว่าด้วยความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (AHA Centre) อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 ขบวนรถช่วยเหลือของอาเซียนถูกโจมตีในรัฐฉานทางตอนใต้ของเมียนมา ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงในประเทศ
สมาชิกอาเซียนบางประเทศได้เริ่มดำเนินการแก้ไขข้อจำกัดเหล่านี้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทยได้ริเริ่มโครงการระเบียงความช่วยเหลือข้ามพรมแดนเมื่อปีที่แล้วเพื่อส่งมอบความช่วยเหลือโดยตรงไปยังเมียนมา แต่เนื่องจากวิกฤตการณ์ยังคงดำเนินต่อไป ผลกระทบด้านมนุษยธรรมจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเมียนมาอีกต่อไป ประชาชนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ กำลังหลบหนีความขัดแย้งและการเกณฑ์ทหาร เพื่อแสวงหาโอกาสทางการศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน