กระทรวงการคลังออกแถลงยืนยันอย่างเป็นทางการ ปัดข่าวลือกรณีโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรตรวจสอบภาษีย้อนหลัง โดยระบุชัดว่า “ไม่เป็นความจริง” พร้อมย้ำว่าข้อมูลของร้านค้าและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะถูกเก็บรักษาอย่างเป็นความลับ ไม่มีการเปิดเผยหรือส่งต่อให้หน่วยงานภาษีหรือบุคคลภายนอกใด ๆ ทั้งสิ้น
กระแสข่าวลือดังกล่าวเริ่มแพร่สะพัดบนโลกออนไลน์ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” อาจตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกกรมสรรพากรตรวจสอบภาษีย้อนหลัง โดยมีการอ้างว่าข้อมูลการทำธุรกรรมในระบบโครงการอาจถูกส่งต่อให้กับหน่วยงานภาษี ซึ่งสร้างความวิตกกังวลในหมู่พ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมาก
ล่าสุด ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาชี้แจงด้วยตนเองเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยกล่าวว่า หนึ่งในหลักการสำคัญของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางธุรกิจของผู้เข้าร่วมทุกฝ่ายอย่างเข้มงวด
“ขอยืนยันว่า ข้อมูลต่าง ๆ ที่ใช้ในโครงการคนละครึ่งพลัสจะถือเป็นข้อมูลลับ จะไม่มีการเปิดเผยให้บุคคลภายนอก และที่สำคัญคือ จะไม่มีการส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้กับกรมสรรพากร ไม่ว่าจะเพื่อการตรวจสอบภาษีย้อนหลังหรือในวัตถุประสงค์อื่นใด” ดร.เอกนิติกล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลเข้าใจถึงความกังวลของผู้ค้ารายย่อยและผู้ประกอบการขนาดเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของผู้เข้าร่วมโครงการ โดยรัฐบาลไม่มีเจตนาที่จะสร้างภาระหรือความหวาดกลัวในการเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจภาษีอย่างเป็นทางการ แต่ต้องการให้มาตรการดังกล่าวเป็น เครื่องมือช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ให้เดินหน้าต่อได้อย่างมั่นคงในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะไม่แน่นอน
สำหรับโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ถือเป็นการต่อยอดจากโครงการ “คนละครึ่ง” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในอดีต โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง เสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการรายย่อย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับชุมชนให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
กระทรวงการคลังย้ำว่า นโยบายของรัฐบาลภายใต้โครงการนี้เน้น “การส่งเสริม” มากกว่าการ “ควบคุม” โดยมุ่งให้ผู้ค้ารายย่อยและผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ผ่านช่องทางดิจิทัล เพิ่มสภาพคล่องหมุนเวียนในระบบ และสร้างแรงขับเคลื่อนต่อเนื่องให้กับเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นกลไกสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวม
นอกจากนี้ ระบบของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ยังได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยของข้อมูล และอยู่ภายใต้การควบคุมของภาครัฐโดยตรง ไม่มีการเปิดช่องให้หน่วยงานอื่นเข้าถึงข้อมูลได้โดยพลการ แม้แต่กรมสรรพากรเองก็ไม่สามารถใช้ข้อมูลจากระบบโครงการเพื่อวัตถุประสงค์ทางภาษีได้ เว้นแต่จะมีการอนุมัติจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย
กระทรวงการคลังยังขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลือหรือข้อมูลที่ไม่ได้มาจากแหล่งข่าวทางการ และหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ สามารถตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานของกระทรวงโดยตรง เพื่อป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม