ธุรกิจการตลาด

สรุปไฮไลท์สินค้าใหม่ Apple สเปค,ราคา,ขายวันไหน? มาดูกัน

8 ก.ย. 65
สรุปไฮไลท์สินค้าใหม่ Apple สเปค,ราคา,ขายวันไหน? มาดูกัน

หลังจากรอคอยกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุด Apple ก็เปิดตัว iPhone 14 รุ่นใหม่เรือธงพร้อมผองเพื่อน Airpods และ Apple Watch รุ่นใหม่ฟีเจอร์ล้ำออกมาแล้ววันนี้ในงาน Apple Event ‘Far Out’ ให้เตรียมจับจองได้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. นี้ พร้อมสหรัฐอเมริกา หลัง Apple ใจดีขยับประเทศไทยขึ้นมาอยู่ Tier 1 อีกครั้งหลังกระเด็นไปอยู่ Tier 6 มา 8 ปี

โดยส่วนของในงาน Tim Cook เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 ไลน์หลักตามความคาดหมาย คือ

  1. iPhone 14 ประกอบไปด้วย iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max
  2. Apple Watch ประกอบไปด้วย Apple Watch Series 8, Apple Watch SE รุ่นใหม่และ Apple Watch Ultra
  3. Airpods Pro Gen 2

ซึ่งผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นจะสเปคโหดขนาดไหน มีฟีเจอร์อะไรใหม่ๆ มาให้สาวกลองเล่นกันบ้าง ทีมข่าว Spotlight สรุปมาให้แล้ว มาอ่านกันได้ข้างล่างเลย

iPhone 14 สเปคเทพขึ้นในราคาเท่าเดิม

เปิดกันที่สินค้าที่หลายๆ คนรอคอยอย่างไลน์อัพ iPhone 14 ที่มีสินค้าในไลน์ 4 รุ่น ที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อยได้คือ iPhone 14 และ iPhone 14 Plus ที่ยังใช้ชิป A15 Bionic แบบเดียวกับ iPhone 13 Pro และ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ที่ใช้ A16 Bionic ชิปรุ่นใหม่ล่าสุดที่ Apple เคลมว่าเร็วที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้

iPhone 14 และ iPhone 14 Plus มีมาให้เลือก 5 สีด้วยกัน ได้แก่ มิดไนต์ สตาร์ไลต์ ฟ้าโทนใหม่ ม่วงโทนใหม่ และโปรดักต์เรด และหน้าจอขนาด 6.1 นิ้วใน iPhone 14 และ 6.7 นิ้ว ใน iPhone 14 Plus และไม่มีรุ่นมินิให้เลือกแล้ว

iphone 14

แต่ถึงแม้รูปร่างหน้าตาภายนอกของ iPhone 14 และ iPhone 14 Plus จะไม่ต่างกับ iPhone 13 มากนัก แต่ภายในของสองรุ่นมาพร้อมกับการอัพเกรดพอสมควร ทั้งหน้าจอ Super Retina XDR ที่ขอบบางกว่าเดิม และเซนเซอร์กล้องหลังที่ใหญ่ขึ้น รูรับแสงกว้างขึ้น ทำให้ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น 49%

สำหรับกล้องหน้ามาพร้อม True Depth Camera มีออโต้โฟกัสเป็นครั้งแรก ทำให้จับภาพดีขึ้น ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น 38% ส่วนการถ่ายวีดีโอเพิ่ม Action Mode กันสั่นที่ทำให้ภาพที่ออกมาจากการถ่ายกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวมากออกมาสมูธ ลื่นมากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ยังมี Crash Detection ตรวจจับอุบัติเหตุรถชนได้เหมือนกับ Apple Watch Series 8 และรองรับการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม ที่ให้ผู้ใช้ขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้ถึงแม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและไม่มีเสาสัญญาณปกติอยู่ใกล้ โดยระบบนี้จะนำร่องใช้ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาก่อน

iPhone 14 เปิดตัวในไทยที่ราคา 32,900 บาท (128GB), 36,900 บาท (256GB) และ 45,900 บาท (512GB) ส่วน iPhone 14 Plus เริ่มต้น 37,900 บาท (128GB), 41,900 บาท (256GB) และ 50,900 บาท (512GB) ซึ่งเพิ่มจากราคาเดิม 3,000-4,000 บาท ถึงแม้ราคาที่ Apple ตั้งมาจากอเมริกาจะเท่าเดิมเพราะค่าเงินบาทอ่อนลง

ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. เริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น. iPhone 14 เริ่มวางจำหน่าย 16 ก.ย. ส่วน iPhone 14 Plus เริ่มวางจำหน่าย 7 ต.ค.

 

iPhone 14 Pro รุ่นใหม่เรือธง มาพร้อมอินเตอร์เฟซใหม่ ไม่มีรอยบากกวนใจ

ถัดจาก iPhone 14 ธรรมดา ก็มาต่อกันที่รุ่นใหม่ไฮเอนด์ที่มาพร้อมการอัพเกรดทั้งภายในและภายนอกอย่าง iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ที่มาใน 4 สีด้วยกัน คือ ดำ ขาว ทอง และม่วง และจอขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ตามลำดับ

dsmfk

ทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมกับชิป A16 Bionic ขนาด 4 นาโนเมตร ใหม่ล่าสุดจาก Apple และไฮไลท์ ‘dynamic island’ อินเตอร์เฟซใหม่ที่ทำให้รูกล้องหน้าขยายได้เมื่อมีสายเข้า หรือมีแจ้งเตือน กำจัดรอยบาก (notch) ที่มีไว้ใส่กล้องหน้าเฉยๆ ในรุ่นเก่าๆ ออกไป ที่มาพร้อมกล้องหลังความละเอียดถึง 48 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น 65% และ Action Mode เช่นเดียวกับ iPhone 14

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น always-on display ที่ทำให้จอไม่ดับพักไปแม้ไม่ได้ใช้ และ low-power mode ที่ทำให้แบตเตอรี่อึดและอยู่นานขึ้น 

iPhone 14 Pro เปิดตัวในไทยที่ราคาเริ่มต้น 41,900 บาท (128GB), 45,900 (256GB), 54,900 บาท (512GB) และ 63,900 บาท (1TB) ส่วน iPhone 14 Pro Max เริ่มต้น 44,900 บาท (128GB), 48,900 บาท (256GB), 57,900 บาท (512GB) และ 66,900 บาท (1TB) 

ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. เริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น. ทั้งสองรุ่นเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 16 ก.ย.

 

Apple Watch ไลน์ใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพของผู้ใช้มากยิ่งขึ้น

ต่อจาก iPhone ก็มาเป็นไลน์ Apple Watch ที่เปิดตัวทั้งแบบเดิมในฉบับอัพเกรดอย่าง Apple Watch Series 8 และ Apple Watch SE และรุ่นใหม่ที่รองรับไลฟ์สไตล์แบบสมบุกสมบันมากยิ่งขึ้นอย่าง Apple Watch Ultra

ไฮไลต์ของ Apple Watch Series 8 รุ่นใหม่คือตัวเครื่องจะมีความทนทานกว่า Apple Watch ในโมเดลผ่านๆมา หน้าจอที่ราบเรียบแบนไปไม่นูนโค้งขึ้นมาเหมือนรุ่นก่อน รวมไปถึงมีเซนเซอร์จับอุณหภูมิที่ช่วยมอนิเตอร์สุขภาพของผู้ใช้แม้แต่ในตอนหลับ รวมไปถึงคำนวณช่วงไข่ตกและช่วยให้ผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิงคาดคะเนรอบเดือน จับความผิดปกติในรอบเดือน รวมไปถึงวางแผนครอบครัวได้

apple-watch-family-setup-2209_1

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Crash Detection ผ่านเซนเซอร์ 2 ตัวที่ช่วยตรวจจับอุบัติเหตุรถชน ที่เมื่อจับได้ว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจะติดต่อบริการฉุกเฉินให้คุณโดยอัตโนมัติ บอกตำแหน่งเกิดเหตุกับศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน รวมไปถึงแจ้งเตือนผู้ที่อยู่ในรายชื่อติดต่อฉุกเฉิน ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ปกป้องผู้ใช้ได้รอบด้านทั้งอุบัติเหตุและสุขภาพ

Apple Watch Series 8 จะมาใน 4 สีด้วยกันในโมเดลอะลูมิเนียม คือ ดำ ทอง อะลูมิเนียม และ แดง และ 3 สีในโมเดลสแตนเลส สตีล ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท

แต่สำหรับใครที่อยากได้ฟีเจอร์เหล่านี้ในราคาที่เบาลง Apple ก็ออก Apple Watch SE มาซึ่งเป็นอีกรุ่นที่มีฟีเจอร์เหล่านี้เช่นกัน แต่ในราคาเบากว่าคือเริ่มต้นที่ 9,900 บาท โดยมีข้อแตกต่างสำคัญคือหน้าจอของ SE ที่ยังจะนูนโค้งเหมือนเดิม ไม่ราบเรียบไปเหมือน Series 8

apple-watch-se-8up-hero-22090_1

และนอกจากผลิตภัณฑ์แบบเดิมในร่างอัพเกรดแล้ว ผลิตภัณฑ์อีกตัวที่น่าจะเป็นเรือธงในไลน์นี้ก็คือ Apple Watch Ultra ที่ออกแบบมาให้ทนทาน สมบุกสมบัน พร้อมรับไลฟ์สไตล์นักกีฬากลางแจ้ง เจาะกลุ่มผู้ชื่นชอบกีฬาแบบเอ็กซ์ตรีม ด้วยเคสทำจาก ‘ไทเทเนียม’ ที่ ‘แข็งแกร่ง’ กว่าตัวเครื่องแบบอะลูมิเนียมหลายเท่า

apple-watch-ultra-3up-hero-22

นอกจากนี้ด้วยความที่ออกแบบมาให้ใช้ในกิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะ Apple Watch Ultra ยังมาพร้อมระบบ GPS ชั้นยอด และระบบเข็มทิศ ที่ช่วยผู้ใช้หาตำแหน่งในระหว่างเดินทางได้

นอกจากนี้ยังมี Action Button สีส้มที่ช่วยให้ผู้ใช้ใช้งานนาฬิกาได้สะดวกในช่วงที่กำลังออกกำลังกาย หรือใส่ถุงมือจนสัมผัสไม่ถนัด ฟีเจอร์ที่ช่วยวัดความลึกระหว่างผู้ใช้ดำน้ำได้ รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาให้อึดถึกทนที่สุดเพราะอยู่ได้นานถึง 36 ชั่วโมงในโหมดปกติ และ 60 ชั่วโมงในโหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งนานกว่า Series 8 ที่อยู่ได้นานที่สุดแค่ 36 ชั่วโมงหลายเท่า

Apple Watch Ultra เปิดตัวในประเทศไทยด้วยราคาสูงสุดในไลน์สมเป็นรุ่นเรือธงในราคา 31,900 บาท 

 

Airpods Pro รุ่นใหม่มาพร้อมคุณภาพเสียงขั้นเทพ และระบบสัมผัส

ปิดท้ายด้วยแกดเจ็ตที่เป็นที่รอคอยของสายฟังเพลงอย่าง Airpods Pro Gen 2 ที่จะเพิ่มประสบการณ์ทางดนตรีของสาวกแอปเปิลด้วยชิป H2 ที่ทำให้คุณภาพเสียงที่ออกมาคมชัดยิ่งขึ้น เทคโนโลยี Noise-cancelling ที่ดีขึ้นจากรุ่นก่อน 2 เท่า ระบบ Adaptive Transparency ที่ปรับตามเสียงสภาพแวดล้อมภายนอกได้แบบเรียลไทม์ และระบบเพิ่มลดเสียงอัตโนมัติด้วยการสัมผัสที่ก้านหูฟัง

apple-airpods-pro-2nd-gen-her

นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานกว่ารุ่นก่อนหน้า 1.5 ชั่วโมง โดยสามารถฟังได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมงเมื่อเปิดใช้งานการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ และนานถึง 30 ชั่วโมงเมื่อและชาร์จจากเคสเพิ่มเติมอีก 4 ครั้งและเปิดใช้งานการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ ซึ่งนานกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 6 ชั่วโมงเต็ม

เพื่อความคล่องตัวที่มากขึ้นในระหว่างการเดินทาง ผู้ใช้ยังสามารถชาร์จ AirPods Pro ด้วยที่ชาร์จสำหรับ Apple Watch เพิ่มเติมจากที่ชาร์จ MagSafe, แผ่นรองชาร์จที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน Qi หรือสาย Lightning รวมไปถึงจุกหูฟังอีกหนึ่งขนาดใหม่เพื่อความกระชับพอดียิ่งขึ้น

ด้วยความสามารถขนาดนี้ AirPods Pro Gen 2 เปิดตัวในประเทศไทยที่ราคา 8,990 บาท

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT