
หลายจังหวัดทางตอนกลางของเวียดนามกำลังเผชิญกับน้ำท่วมที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายอย่างน้อย 52 ราย และยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าถึง 3 ล้านล้านดองเวียดนาม หรือประมาณ 3,600 ล้านบาท
กระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมของเวียดนามรายงาน ฝนที่ตกลงมาต่อเนื่องหลายวันทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้างในจังหวัดซาลาย จังหวัดดั๊กลัก และจังหวัดคั้ญฮว่า สร้างความเสียหายให้กับทางรถไฟด้วย โดยขณะนี้ยืนยันตัวเลขผูเสียชีวิตผู้เสียชีวิตที่ 43 ราย และสูญหาย 9 ราย
มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมเกือบ 68,000 หลัง โดยจังหวัดดั๊กลักได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีบ้านเรือนเสียหายมากกว่า 39,500 หลัง ส่วนที่จังหวัดซาลายรายงานบ้านเรือนถูกน้ำท่วม 19,200 หลัง หลายตำบลในจังหวัดเหล่านี้ยังคงถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเนื่องจากระดับน้ำท่วม
โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน จุดต่าง ๆ บนทางหลวงแห่งชาติมากกว่า 30 แห่ง และบนถนนสายจังหวัด 142 แห่งถูกน้ำท่วมหรือถูกปิดกั้นจากดินถล่ม ทางขึ้นเขาสำคัญของจังหวัดเลิมด่ง ได้แก่ พรแหน และมิโมซา เกิดการพังทลายอย่างรุนแรงจนต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
รถไฟโดยสาร 14 ขบวนต้องหยุดให้บริการ และท่าอากาศยานตื่อยหว่าได้ระงับการปฏิบัติการเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ขณะที่ประชาชนเกือบ 400,000 รายในหลายจังหวัดยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้
ภัยพิบัติดังกล่าวเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน ตลอดระยะเวลา 5 วัน หลายพื้นที่มีปริมาณฝนสูงถึง 1,000–1,800 มิลลิเมตร โดยในวันที่ 19 พฤศจิกายนเพียงวันเดียว ที่จังหวัดดั๊กลัก บางพื้นที่มีฝนตกมากกว่า 800 มิลลิเมตร
น้ำฝนที่ตกหลักทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ถึงแม้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักเริ่มลดลง ศูนย์พยากรณ์อากาศและอุทกวิทยาแห่งชาติเตือนว่า ฝนตกหนักจะยังคงเกิดต่อเนื่องในหลายจังหวัดไปจนถึงวันเสาร์ ทำให้ความเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่ม และน้ำท่วมซ้ำยังคงสูง
Vietnamnews