
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เวลานี้เผชิญกับเหตุการณ์น้ำท่วมหนักไม่ต่างกัน ทั้งเวียดนาม ไทย และมาเลเซีย โดยวิกฤตดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก
สถานการณ์น้ำท่วมตอนกลางของเวียดนามทำให้มีผู้เสียชีวิตนับจนถึงเมื่อวานนี้ (24 พ.ย. 68) อยู่ที่ 91 ราย และมีผู้สูญหาย 11 คน หลังเกิดฝนตกหนัก ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง และยังทำให้เกิดดินถล่ม ตั้งแต่จังหวัดกว๋างจิ ไปจนถึงจังหวัดเลิมด่ง
เฉพาะที่จังหวัดดั๊กลักเป็นพื้นที่ประสบภัยรุนแรงที่สุด มีรายงานผู้เสียชีวิต 63 ราย ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการจมน้ำ
รายงานระบุว่า ถนนในหลายพื้นที่ถูกตัดขาด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ออกไปส่งอาหารและความช่วยเหลือให้แก่ประชาชนที่อพยพ
ด้วยภูมิศาสตร์ที่ตั้งของเวียดนาม ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นจากไต้ฝุ่น พายุมรสุม หรือน้ำท่วมล้นตลิ่ง โดยปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยิ่งทวีความรุนแรงของพายุและฝนตกหนัก
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ถูกน้ำท่วมหนักในเวลานี้ โดยเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักวัดปริมาณได้ 335 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นปริมาณน้ำฝนใน 24 ชั่วโมงที่สูงที่สุดในรอบ 300 ปีเลย
ฝนที่ตกต่อเนื่องทำให้เกิดการอพยพประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ตามอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ออกมา หลังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นอกจากภาคใต้แล้ว น้ำท่วมยังเป็นปัญหาที่พบในภูมิภาคอื่นด้วย อย่างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เกิดน้ำท่วมหนักที่ภาคเหนือ ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 ราย
มาเลเซียกำลังเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง โดยกรมสวัสดิการสังคมของมาเลเซียรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า มีประชาชนมากกว่า 12,500 คนใน 9 รัฐต้องอพยพออกจากพื้นที่ประสบภัย
พื้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ รัฐกลันตัน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งมีจำนวนผู้อพยพมากที่สุดในประเทศ ขณะที่ทางการได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว 86 แห่ง พร้อมเตือนว่า ฝนอาจเพิ่มขึ้นอีก
ทั้งนี้ น้ำท่วมถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในบางพื้นที่ของมาเลเซียช่วงฤดูมรสุมประจำปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนและอาจยาวไปจนถึงเดือนมีนาคม