ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงกว่า 18 จุด หลุดระดับ 1,320 จุด ไปอยู่ที่ 1,313.26 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดใน 4 ปี ในการซื้อขายช่วงเช้า จากแรงกดดันทางการเมือง และแนวโน้มการคงดอกเบี้ยสูงของเฟด ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ก่อนที่จะไต่ขึ้นมาเหนือระดับ 1,320 จุดอีกครั้งในการซื้อขายช่วงบ่าย
ดัชนีหุ้นไทย SET Index ภาคเช้าปิดปรับตัวลงรับ sentiment เชิงลบจากความไม่มั่นคงทางการเมือง ทั้งจากกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 40 คน ยื่นถอดถอนนายกฯ ออกจากตำแหน่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 มิ.ย.67) การพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล รวมถึงการเลือก ส.ว.
นอกจากปัจจัยภายในประเทศ หุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มการคงดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด สะท้อนสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังมีการขยายตัว
ปัจจุบัน นักลงทุนกำลังจับตามองการตัดสินใจของเฟดและธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำลังจะจัดการประชุมเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในวันที่ 11-12 มิถุนายนนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่อาจออกมาสูงกว่าคาด และกดดันตลาดหุ้นอีก เพราะเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ หรืออาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยหากภาวะเงินเฟ้อทวีความรุนแรงขึ้น
ในการซื้อขายภาคบ่าย ดัชนี SET Index กลับขึ้นมาอยู่ในช่วงระดับ 1,317-1,322 จุด สะท้อนการฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่มีสัญญาณกลับตัวชัดเจน
Philip Capital คาดการณ์เห็นดัชนีรีบาวด์ได้ แต่ไม่น่าเกินแนวต้าน 1,335-1,340 จุด แนะหากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้มากให้เก็งกาไรระยะสั้นในหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อยให้ Wait and See จนกว่าดัชนีจะเริ่มมีสัญญาณกลับตัวชัดเจน
ส่วนทาง บริษัท หลักทรัพย์ธนชาตจํากัด (มหาชน) แนะนำให้เน้น “Selective” และหุ้น Defensive Play โดยแนะนำ ADVANC BH CKP และ SISB และแนะนำ ITC และ KCE ที่จะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนลง