เมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศว่า “กำหนดการยุบสภา ภายในเดือนมีนาคม ส่วนกำหนดการวันเลือกตั้งในปัจจุบันก็เป็นไปตามที่กกต.ประกาศไว้ 7 พ.ค.2566” ภาพที่เห็นได้ชัด คือ ตลาดหุ้นไทยตอบรับข่าวดังกล่าว (21 ก.พ.) โดยในช่วงบ่ายภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรี ประกาศ เรื่องยุบสภา ส่งผลให้ดัชนีราคาหุ้นไทย จากที่อยู่ในแดนลบช่วงเช้า เริ่มติดลบน้อยลงเรื่อยๆ จนราคาหุ้นไทยปิดตลาดเพิ่มขึ้น 10.94 จุดหรือ 0.66% ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1668.63 จุด
โดยความเห็นของนักวิเคราะห์ 2 บริษัทหลักทรัพย์ ฟันธงเป็นเสียงเดียวกันว่า “เลือกตั้งใหม่” ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นเป็นบวกได้ ตั้งแต่เริ่มเห็นความชัดเจนจนถึงมีการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับบวกได้ถึง 6-12% หากมีความชัดเจนเพิ่มขึ้น มากกว่าค่าเฉลี่ย 3% หุ้นที่ได้รับอานิสงค์ ได้แก่ ค้าปลีก รับเหมาก่อสร้าง ภาคธนาคารพาณิชย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวกับ “Spotlight” ว่า “ การลงทุนนักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงถัดไป ตลาดหุ้นมีการคาดหวังในเชิงบวก ซึ่งเมื่อดูตามสถิติแล้วก่อนการเลือกตั้ง 3 เดือน หรือหลังจากมีความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง จาก Story ในอดีต ตลาดหุ้นจะปรับตัวในแดนบวกเพิ่มขึ้น”
สำหรับหุ้นที่ได้รับอานิสงค์บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นของการลงทุน ภาคเศรษฐกิจในประเทศที่คาดว่าจะมีการขยายตัว บรรยากาศโดยรวมทิศทางที่เป็นบวก ส่งผลให้หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ มีความเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ภาครัฐ ก็จะได้ประโยชน์ อาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ และกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ส่วนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยนั้น มองว่านักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนโดยตรงในไทย ขณะนี้คงรอดูผลการเลือกตั้ง หน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “Spotlight” ซึ่งมีมุมมองในทิศทางเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ว่า ตลาดหุ้นไทยรอดูความชัดเจนในเรื่องของการยุบสภา และเลือกตั้งของรัฐบาล เมื่อมีความชัดเจนเกิดขึ้นเชื่อว่า จะเป็นทิศทางเป็นบวก โดยสถิติที่ผ่านมาในอดีตค่าเฉลี่ยของการปรับขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นจะอยู่ที่ประมาณ 3% หากมีความชัดเจนมากขึ้นในเรื่องของการเลือกตั้ง คาดว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยจะปรับเพิ่มขึ้นได้ถึง 6-12%
ทั้งนี้ หุ้นที่ได้รับอานิสงค์ในเชิงบวกจากการเลือกตั้ง คือ กลุ่มค้าปลีก ธนาคารพาณิชย์ และการบริโภค หรือที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ กลุ่มสื่อ อาทิเช่น SC SANSIRI Makro CPALL AMATA STEC PLANB เป็นต้น