การเงิน

คลังฯ เคาะเกณฑ์กองทุน TESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 1 แสนบาท/ราย เริ่มขายต้น ธ.ค. นี้

14 พ.ย. 66
คลังฯ เคาะเกณฑ์กองทุน TESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 1 แสนบาท/ราย เริ่มขายต้น ธ.ค. นี้

กระทรวงการคลังเคาะเกณฑ์มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งกองทุน Thailand ESG Fund หรือ TESG กำหนดระยะเวลาลงทุน 8 ปีเต็ม กองทุนอายุ 10 ปี วงเงินลงทุนสูงสุดเพื่อใช้หักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 100,000 บาท/ราย เริ่มเปิดขายภายในเดือน ธ.ค.นี้

วันนี้ (14 พ.ย.) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ที่ประชุมระหว่างกระทรวงการคลังและสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เห็นชอบร่วมกันในการจัดตั้งกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thailand ESG Fund (TESG) เพื่อลงทุนในหลักทรัพย์และตราสารหนี้ของบริษัทที่มีการดำเนินงานตามหลัก ESG สร้างความยั่งยืนให้ สังคม ประเทศ และนักลงทุน และส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมระยะยาวผ่านการลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น 

โดยจากหลักเกณฑ์ที่ตกลงร่วมกัน กองทุน TESG จะลงทุนในหลักทรัพย์และตราสารหนี้ของบริษัทที่มีการดำเนินงานตามหลัก ESG เป็นระยะเวลา 10 ปี และผู้ที่ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนใน TESG จะสามารถนำรายจ่ายที่ซื้อหน่วยลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ของผู้ซื้อหน่วยลงทุน แต่สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี โดยผู้ซื้อหน่วยลงทุนนี้จะต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุนนี้ให้ครบ 8 ปีเต็มเพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะเร่งการดำเนินงานผลักดันกองทุน TESG ออกมา 

โดยกรมสรรพากรจะเร่งสรุปรายละเอียดในข้อกฎหมายเพื่อเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติภายในวันอังคารที่ 21 พฤศจิกายนนี้ 

จากนั้น จะเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อออกเป็นประกาศกระทรวง และคาดว่าจะเปิดเสนอขายให้กับผู้ลงทุนได้ภายในต้นเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อให้นักลงทุนนำไปลดหย่อนภาษีได้ทันในรอบ มี.ค. ปี 2567

นายลวรณ มองว่า ภายในช่วงหนึ่งปีแรกหลังเปิดให้มีการซื้อหน่วยลงทุน จะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ากองทุนมาไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพราะระยะเวลาตั้งแต่การเริ่มเสนอขายไปจนถึงช่วงสิ้นสุดปีภาษี 66 เป็นช่วงที่สั้น ซึ่งจะเป็นการจูงใจให้คนเข้าไปซื้อกองทุน

 

เสี่ยงทำรัฐสูญรายได้จากภาษีปีละ 1 แสนล้านบาท แต่คุ้มในระยะยาว

นายลวรณ เผยว่า ในปัจจุบันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีบริษัทที่ได้รับการรับรองว่าปฏิบัติตามหลัก ESG อยู่ทั้งหมด 210 บริษัท จากกว่า 800 บริษัท ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมากพอที่กองทุนจะเข้าไปลงทุนได้ และอาจจะเป็นการสนับสนุนและกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ พัฒนาวิธีการดำเนินของตัวเองให้เป็นมิตรต่อโลกมากขึ้นไปอีกเพื่อดึงการลงทุน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก TESG เป็นกองทุนที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ นางสาว กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เผยว่าจากการคาดการณ์ของกรมสรรพากร การลดหย่อนภาษีจากกองทุน TESG จะทำให้แต่ละปีรัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับกองทุน Long Term Equity Fund ( LTF) 

ทั้งนี้ แม้จะเสี่ยงทำให้รัฐเสียรายได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมองว่ากองทุนนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการสร้างเสริมเครือข่ายบริษัทที่มีแผนปฏิบัติด้าน ESG ที่ดีในไทย ซึ่งจะส่งผลดีอย่างมหาศาลต่อเศรษฐกิจของไทยในระยะยาว เพราะในปัจจุบันนักลงทุนทั่วโลกหันมาใส่ใจเรื่อง ESG กันมากขึ้น จนถ้าหากไม่มีการเร่งให้บริษัทไทยปรับเปลี่ยนการทำงานให้ทันก็อาจจะเสียโอกาส

นอกจากนี้ กองทุนนี้ยังจะช่วยสร้างฐานผู้ลงทุนในตลาดทุนของไทย และดึงดูดให้คนไทยเข้ามาออมเงินในตลาดทุนในระยะยาวมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนไม่ถึง 10% 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT