ซึ่งวันนี้ 13 มิ.ย.68 ราคาทองคำทองแท่ง รับซื้อ 52,450.00 (บาท) ขายออก 52,550.00 (บาท) ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อ 51,407.56 (บาท) ขายออก 53,350.00 (บาท) พร้อมกับมีการปรับราคามากกว่า 14 ครั้งรวมแล้วปรับตัวขึ้น 800 บาท
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปได้รายงานข้อมูลด้านทุนสำรองสำหรับปี 2567 ที่พบว่าทองคำกลายเป็นสินทรัพย์สำรองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเป็นรองเพียงดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น โดย ณ สิ้นปี 2567 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 20% แซงหน้าเงินยูโรที่มีสัดส่วน 16% เป็นรองเพียงเงินดอลลาร์ที่มีสัดส่วน 46.0% ซึ่งสัดส่วนทองคำดังกล่าว นับว่าเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนเฉลี่ยที่ 10% ในช่วงระหว่างปี 2553-2562 สวนทางกับเงินดอลลาร์และเงินยูโร ที่ถูกลดสัดส่วนในทุนสำรองลง
รายงานนี้ถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาดทองคำ เนื่องจากแสดงถึงการให้ความสำคัญของทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกในฐานะทุนสำรองฯ ซึ่งสามารถป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและเพื่อกระจายความเสี่ยงในการถือครอง อย่างไรก็ดีธนาคารกลางยุโรปยังระบุว่า ทองคำมีความน่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะประเทศที่กังวลเกี่ยวกับการคว่ำบาตรและการลดบทบาทของสกุลเงินหลักในระบบการเงินระหว่างประเทศ จากข้อมูลนี้จึงมองว่าความต้องการของธนาคารกลางหลายแห่งจะยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่านักวิเคราะห์จากต่างประเทศจะระบุว่าความต้องการของธนาคารกลางอาจจะมีกำลังลดน้อยลงเนื่องจากบางแห่งสะสมไว้จนใกล้เต็มเพดาน แต่ก็จะยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่องจากหลายๆชาติแม้จะไม่หวือหวาเช่นในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ราคาทองคำได้ปัจจัยความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งยกระดับความขัดแย้งครั้งสำคัญระหว่างอิสราเอล-อิหร่านเข้ามาสนับสนุนและเพิ่มความหวือหวาในระยะสั้นอีกครั้ง โดยเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยืนยันว่ากองทัพอิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ต่อโครงการนิวเคลียร์และฐานยิงขีปนาวุธของอิหร่านในช่วงเช้าวันนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อขจัดภัยคุกคามเหล่านี้ ซึ่งอิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลได้ประกาศ "สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นกรณีพิเศษ" เนื่องมาจากการที่อิสราเอล "โจมตีอิหร่านแบบชิงลงมือก่อน (pre-emptive strike)” ซึ่งถือเป็นวิธีการป้องกันตนเองรูปแบบหนึ่ง
การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้ โมฮัมหมัด ฮอสเซน บาเกรี เสนาธิการทหารสูงสุดของกองทัพอิหร่าน ฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม และ โกแลม-อาลี ราชิด ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางกาตัม อัล-อันบียา ของอิหร่านได้เสียชีวิต ซึ่งทำให้อิหร่านเตรียมจะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลอย่างรุนแรงและเด็ดขาด และเจ้าหน้าที่อิหร่านรายหนึ่งเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่ารายละเอียดการตอบโต้ของอิหร่านนั้น กำลังอยู่ระหว่างการหารือในระดับสูงสุด
ทั้งนี้ในระยะสั้นราคาทองคำอยู่ในช่วงปรับฐาน โดยเป็นการปรับลดลงหลังจากที่ได้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่หลายรอบในปีนี้ แต่ประเด็นการตั้งกำแพงภาษีการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่มีความชัดเจนก็ได้ส่งผลกระทบให้ราคาทองคำผันผวน ขณะที่ประเด็นความตึงเครียดอิวราเอล-อิหร่าน ทำให้ทองคำเริ่มเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง โดยมองว่าทองคำยังมีโอกาสไปต่อได้ในระยะยาวทั้งจากปัจจัยการสะสมของธนาคารกลาง เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านการค้าระหว่างประเทศและปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดย YLG ยังคงเป้าหมายทองคำของปีนี้ไว้ที่ 3,500 – 3,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับคำแนะนำการลงทุนทองคำ ในระยะสั้นมองว่าทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 3,354-3,377 ดอลลาร์สหรัฐ และแนวต้าน 3,467-3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนทองคำในประเทศ มองว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 51,600-51,950 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่กรอบแนวต้าน 53,350-53,850 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณจากค่าเงินบาทระดับ 33.42 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สแนะนำเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับสูง เพราะใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด