บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ประกาศผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในครึ่งแรกของปี 2568 โดยมี กำไรสุทธิ 3,755 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3.5% แม้จะอยู่ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นนี้สะท้อนการเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ยังเต็มไปด้วยแรงกดดันและความไม่แน่นอน แต่ เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ยังคงรักษาความแข็งแกร่งทั้งในแง่ผลประกอบการ กำไร พอร์ตสินเชื่อ และคุณภาพสินทรัพย์ โดยครึ่งแรกของปี 2568 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 3,755 ล้านบาท เติบโต 3.5% จากปีก่อนหน้า และในไตรมาส 2/2568 เพียงไตรมาสเดียว ทำกำไรได้ถึง 1,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากการบริหารต้นทุนได้ดีและรายได้รวมที่ยังขยายตัว
ภาพรวมธุรกิจยังเติบโตในทุกมิติ
KTC รายงานว่า พอร์ตสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ 107,104 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็น
ขณะที่ฐานลูกค้ายังแข็งแรงโตต่อเนื่องด้วยฐานสมาชิก 3,508,827 บัญชี
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ เคทีซียังรักษา NPL ได้ดี:
โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ กระจายตัวมากขึ้น เพิ่มความเชื่อมั่นในระยะยาว
ความเคลื่อนไหวสำคัญในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 คือการซื้อขายหุ้นขนาดใหญ่ (Big Lot) ของบริษัท เคทีซี ซึ่งเกิดขึ้นถึงสองรอบ โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน มีการซื้อขายจำนวน 129.2 ล้านหุ้น และอีกครั้งในวันที่ 30 มิถุนายน อีก 243.2 ล้านหุ้น รวมคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 14.46% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นให้มีการกระจายตัวมากขึ้น โดยมีสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงได้รับความมั่นใจว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการบริหาร โดยธนาคารกรุงไทยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เช่นเดิม ขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัท โครงสร้างผู้บริหาร และนโยบายหลักของ KTC ก็ยังคงดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และมุ่งสู่การเติบโตระยะยาว
กลยุทธ์การเติบโตอย่างรับผิดชอบ เดินหน้าช่วยเหลือลูกหนี้
ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงกดดันผู้บริโภค เคทีซีได้แสดงบทบาทในฐานะผู้ให้บริการสินเชื่อที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ โดยยึดแนวทาง "Responsible Lending" ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด เพื่อให้การปล่อยสินเชื่อไม่เป็นภาระเกินสมควรต่อผู้กู้ และไม่ผลักให้ลูกหนี้เข้าสู่วงจรหนี้ซ้ำซ้อน
บริษัทได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การเปลี่ยนประเภทหนี้จากบัตรเครดิตเป็นสินเชื่อบุคคลระยะยาว เพื่อให้มีโครงสร้างการชำระหนี้ที่เหมาะสมขึ้น รวมถึงการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ และปรับลดค่างวดให้สอดคล้องกับรายได้ของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่มีรายได้ลดลงชั่วคราว
นอกจากนี้ เคทีซียังร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ระยะที่ 2 ซึ่งมุ่งช่วยลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพกลับมาฟื้นตัว และปลดหนี้ได้เมื่อสถานการณ์รายได้ดีขึ้น โดยเปิดให้ลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์สามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2568 ทั้งนี้ เคทีซีประเมินว่า แม้จะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จำนวนมาก แต่ด้วยการบริหารจัดการที่รอบคอบ และสำรองความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า จึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ
สถานะการเงินแข็งแกร่ง สภาพคล่องสูงพร้อมรองรับทุกความท้าทาย
KTC ยังแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 กลุ่มบริษัทมีเงินกู้ยิมทั้งสิ้น 58,081 ล้านบาท ซึ่งประกอบเงินกู้ยืมระยะยาวสัดส่วน 59% และเงินกู้ยิมระยะสั้นอีก 41% ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเหลือ 1.64 เท่า จาก 1.97 เท่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับพันธะทางการเงินที่กำหนดเพดานไว้ถึง 10 เท่า
ขณะเดียวกัน KTC ยังมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือจากสถาบันการเงินสูงถึง 22,780 ล้านบาท โดยบริษัทประเมินว่าในครึ่งหลังของปี 2568 จะมีภาระหนี้หุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวครบกำหนดชำระรวมราว 10,000 ล้านบาท แต่ด้วยสภาพคล่องในมือที่สูงกว่าหนี้ครบกำหนดถึง 2.2 เท่า ทำให้บริษัทมีความพร้อมอย่างมากในการบริหารภาระทางการเงินและยังสามารถรองรับแผนการเติบโตในระยะถัดไปได้อย่างมั่นใจ
ที่มา: KTC