Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
28 ปี วิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 สู่ วิกฤตหนี้ครัวเรือนท่วมคนไทย
โดย : พลวัฒน์ รินทะมาตย์

28 ปี วิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 สู่ วิกฤตหนี้ครัวเรือนท่วมคนไทย

2 ก.ค. 68
18:32 น.
แชร์

Highlight

ไฮไลต์

การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา แต่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ต้องทำในวันที่โลกเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งสงครามที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก สงครามการค้าจากประเทศมหาอำนาจ การทะลักของสินค้าต่างชาติ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอาจเป็นทางรอดเดียวที่ทำให้ประเทศไทยยืนอยู่บนเวทีการแข่งขันของโลกอย่างยั่งยืน

วันนี้ (2กรกฎาคม 2540) เมื่อ 28 ปีที่แล้ว ประเทศไทยเคยเผชิญกับบทเรียนราคาแพงทางเศรษฐกิจมาแล้วเมื่อ พ.ศ. 2540 ในชื่อที่รู้จักกันดีว่า "วิกฤตต้มยำกุ้ง" วิกฤตการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล แต่ยังทิ้งรอยแผลเป็นไว้ในโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ซึ่งส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการพึ่งพาต่างประเทศสูง และความท้าทายใหม่ ๆ อย่าง "หนี้ครัวเรือนท่วมคนไทย" ที่กำลังเป็นปัญหาเรื้อรัง สิ่งเหล่านี้ล้วนตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการ "รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยสู่ความยั่งยืน"

พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี

จุดเริ่มต้นวิกฤตต้มยำกุ้ง 2540

ตอนเช้าตรู่วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ในยุครัฐบาล พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ เมื่อรัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวอย่างทันทีทันใด จากเดิมประมาณ 25.60 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ เป็น 28.75 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง และค่าเงินบาทอ่อนลงตามลำดับ ในช่วงต่ำสุดเคยตกลงถึง 55 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ

ฟองสบู่ที่รอวันแตก

  • การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง: เศรษฐกิจที่เติบโตจากการนำเข้าสินค้าและบริการ ทำให้ประเทศขาดดุลอย่างหนัก โดยเฉพาะในปี 2539 ที่การส่งออกชะลอตัวอย่างรุนแรง
  • หนี้ต่างประเทศมหาศาลของภาคเอกชน: การเปิดเสรีทางการเงินและการผูกค่าเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐฯ (ที่อัตราประมาณ 25 บาทต่อดอลลาร์) ทำให้ภาคเอกชนกู้เงินต่างประเทศดอกเบี้ยต่ำเข้ามาลงทุนจำนวนมาก โดยขาดการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
  • ฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์: เงินกู้จำนวนมากไหลเข้าสู่การเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ จนเกิดภาวะฟองสบู่ เมื่อฟองสบู่แตก ราคาสินทรัพย์ตกต่ำ ธุรกิจล้มละลาย และเกิดหนี้เสีย (NPLs) ในระบบสถาบันการเงินพุ่งสูงในที่สุด
  • การกำกับดูแลสถาบันการเงินที่หละหลวม: การปล่อยสินเชื่ออย่างไม่ระมัดระวัง ขาดการประเมินความเสี่ยงที่เข้มงวด ทำให้สถาบันการเงินอ่อนแอ และหลายแห่งถูกสั่งปิดกิจการในที่สุด
  • การโจมตีค่าเงินบาท: นักลงทุนต่างชาติมองเห็นจุดอ่อนของเศรษฐกิจไทย จึงเข้าโจมตีค่าเงินบาทอย่างรุนแรง ทำให้เงินสำรองประเทศลดลงอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถพยุงค่าเงินได้อีกต่อไป

จอร์จ โซรอส

และผู้ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดและเป็นที่รู้จักในฐานะ "พ่อมดการเงิน" หรือ "เซียนหุ้นสายดาร์ก" คือ จอร์จ โซรอส (George Soros) และกองทุนของเขา Quantum Fund

ผลกระทบของวิกฤตต้มยำกุ้งรุนแรงและกินวงกว้าง ทั้งเศรษฐกิจที่ถดถอยรุนแรง ธุรกิจล้มละลาย การว่างงานพุ่งสูง และความเครียดทางสังคมที่ตามมามากมาย ทำให้ธุรกิจเอกชน เช่น บริษัทบ้านจัดสรร อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมผลิตวัสดุก่อสร้าง สถาบันการเงิน ธนาคาร ธุรกิจการพิมพ์การโฆษณา ถูกกระทบอย่างรุนแรง หลายแห่งต้องปิดกิจการ หลายแห่งมีหนี้ท่วมตัว พนักงานจำนวนมากถูกปลดออกจากงาน และรัฐบาลถูกกดดันให้ลาออกแล้ว วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ยังส่งผลให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศมาเลย์เซีย อินโดนีเซีย เกาหลี ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และรัสเซีย

ต้มยำกุ้งสู่หนี้ครัวเรือนท่วมคนไทย

ผ่านมา 28 ปี เศรษฐกิจไทยได้เรียนรู้และสร้างภูมิคุ้มกันระดับมหภาคขึ้นมาหลายอย่าง เช่น การกำกับดูแลสถาบันการเงินที่เข้มแข็งขึ้น และการจัดตั้งกลไกป้องกันวิกฤตในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ก็เริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะ "วิกฤตหนี้ครัวเรือน"

ปัจจุบัน (พ.ศ. 2567-2568) สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 88-90% และเคยสุดในระดับ 95% ของ GDP ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ปี 2564

ข้อมูลจากเครดิตบูโร ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 ชี้ว่า หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่าสูงถึง 13.54 ล้านล้านบาท ในขณะที่ GDP ของประเทศอยู่ที่​ 16.2 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 87-88% ต่อ GDP ลดลงต่ำกว่า 90% ต่อเนื่อง และที่น่าเป็นห่วง หนี้เสียหรือ NPLs อยู่ที่ 1.19 ล้านล้านบาท ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ และมีแนวโน้มที่จะเป็นปัญหาเรื้อรัง สาเหตุหลักมาจาก

  • รายได้ไม่พอรายจ่าย: ค่าครองชีพสูงขึ้น ดอกเบี้ยสูง แต่รายได้เติบโตไม่ทัน ทำให้หลายครัวเรือนต้องกู้ยืมเพื่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
  • สินเชื่อที่ไม่สร้างรายได้: หนี้ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูงและภาระผ่อนต่อเดือนมาก
  • ปัญหาเศรษฐกิจและการจ้างงาน: การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลงหรือหยุดชะงัก
  • ขาดความรู้ทางการเงิน: การวางแผนการเงินที่ไม่ดี การกู้เกินตัว ทำให้หลายคนตกอยู่ในวังวนหนี้

ผลกระทบของหนี้ครัวเรือนสูงส่งผลทั้งในระดับบุคคลที่ต้องแบกรับภาระหนัก ทำให้กำลังซื้อลดลง เกิดความเครียด และยังส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ ด้วยการฉุดรั้งการบริโภคและการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ไม่เต็มที่ และอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว

รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยสู่ความยั่งยืน

วิกฤตการณ์ทั้งสองครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้อง "รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ" เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและทั่วถึง ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการปรับรากฐานของประเทศ แนวทางสำคัญ ได้แก่:

  1. เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม: เปลี่ยนผ่านจากการผลิตมูลค่าเพิ่มต่ำไปสู่การเพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และการแพทย์
  2. พัฒนาทรัพยากรมนุษย์: ยกระดับทักษะแรงงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเพิ่มผลิตภาพและลดผลกระทบจากการเข้าสู่สังคมสูงวัย
  3. เศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียน: ปรับโครงสร้างภาคการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบรับกับเทรนด์โลกและข้อกำหนดทางการค้าใหม่ๆ
  4. กระจายการเติบโตอย่างทั่วถึง: ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็งในท้องถิ่น
  5. สร้างวินัยทางการเงินและเสริมภูมิคุ้มกัน: เรียนรู้จากบทเรียนหนี้ครัวเรือน โดยการให้ความรู้ทางการเงินอย่างจริงจัง ปรับปรุงการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ และแก้ไขหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันก็รักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ

การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา แต่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ต้องทำในวันที่โลกเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งสงครามที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก สงครามการค้าจากประเทศมหาอำนาจ การทะลักของสินค้าต่างชาติ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอาจเป็นทางรอดเดียวที่ทำให้ประเทศไทยยืนอยู่บนเวทีการแข่งขันของโลกอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากวังวนของความเปราะบางทางเศรษฐกิจ และก้าวไปสู่การเติบโตที่เข้มแข็ง มั่นคง และเป็นธรรม

แชร์
28 ปี วิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 สู่ วิกฤตหนี้ครัวเรือนท่วมคนไทย