
คำประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งพึ่งลงนามกันไปที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ถือเป็นเรื่องที่น่าวิเคราะห์อย่างยิ่ง เพราะในวันเดียวกันนั้น ก็มีการลงนามข้อตกลงการค้าและการสำรวจแร่หายาก (rare earth) ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา
ดูเหมือนว่า สหรัฐฯ น่าจะเป็นพลังขับเคลื่อนหลักที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการสันติภาพไทย-กัมพูชา แต่ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็เข้ามาเกี่ยวก้อยพัวพันกับทั้งไทยและกัมพูชา โดยมีผลประโยชน์ทางธุรกิจการค้าของสหรัฐฯ เป็นเครื่องร้อยรัดสันติภาพ เกมนี้คงวิเคราะห์ได้ว่า ฝั่งสหรัฐฯ อาจมีเป้าหมายหลักอย่างน้อย 2 ประการ
1. โดยส่วนตัวแล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ น่าจะอยากให้ความพยายามไกล่เกลี่ยของเขาที่ช่วยบรรเทาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา รวมถึงในจุดขัดแย้งอื่นๆทั่วโลก เป็นเครื่องตอกย้ำความเป็น "Dealer" มืออาชีพของเขา และเพื่อเป็นบันไดปูทางให้เขาโกยแต้มไขว่คว้ารางวัลโนเบลสันติภาพในปีถัดไป
2. หลักการนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ยังเน้นเรื่อง "สหรัฐฯต้องมาอันดับหนึ่ง” (America First) กับ "การทำให้สหรัฐฯ กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” (Making America Great Again) โดยสหรัฐฯ จักต้องปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติอเมริกันเป็นอันดับแรก พร้อมกับฟื้นฟูบทบาทที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ ในเขตภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญรอบโลก
ในการนี้ สหรัฐฯ คงต้องการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในไทยและกัมพูชา เช่น การสำรวจพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับแร่ธาตุหายากในไทยและการเพิ่มขนาดกิจกรรมลงทุนในกัมพูชา ตลอดจนการทำให้สหรัฐฯ กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งเพื่อต่อสู้แข่งขันกับจีนในเขตอาเซียนและอินโด-แปซิฟิก เกมกลยุทธ์สหรัฐฯ บนเวที ASEAN Summit ที่พึ่งผ่านมาหมาด ๆ ก็ช่วยหนุนส่งให้ Spotlight ทุกดวงฉายส่องมาที่ทรัมป์จนเอื้อหนุนให้บทบาทสหรัฐฯ ดูโดดเด่นกว่าจีนในห้วงเวลานี้
หลังจากที่ไทยและกัมพูชาลงนามในคำประกาศความสัมพันธ์ จะเห็นว่าสหรัฐฯ ได้ยกระดับความร่วมมือในหลากหลายมิติกับทั้งสองประเทศ เช่น การไม่ปิดกั้นการขายอาวุธสหรัฐฯ ให้แก่กองทัพกัมพูชา พร้อมรื้อฟื้นการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ กับกัมพูชา รวมถึงการพยายามแลกเปลี่ยนข้อมูลกับไทยเพื่อปราบเครือข่ายอาชญกรรมข้ามชาติ ความคืบหน้าเหล่านี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเขตผลประโยชน์อเมริกันให้เข้มข้นขึ้นในอาเซียน
สหรัฐฯ คงไม่เลือกข้างที่จะสนับสนุนไทยแล้วเป็นศัตรูกับกัมพูชาแบบเปิดหน้า และ สหรัฐฯ คงไม่กดดันกัมพูชาและไทยไปเสียทุกเรื่อง หากแต่สหรัฐฯ คงเลือกแนวทางที่จะแผ่อิทธิพลให้ครอบคลุมทั้งสองประเทศควบคู่กันไป โดยเป้าหมายใหญ่ของสหรัฐฯ น่าจะเป็นการต่อสู้ถ่วงดุลกับจีนที่ก้าวเข้ามามีบทบาทในกัมพูชาและไทยเช่นกัน
ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ จีนมียุทธศาสตร์มุ่งใต้เพื่อขยายอำนาจเข้าไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนยังมุ่งปักหมุดอิทธิพลในมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก โดยมีการสร้างฐานทัพเรือเรียมและการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสีหนุวิลล์บนชายฝั่งกัมพูชา แถมจีนยังเข้าไปช่วยสำรวจลงทุนขุดคลองฟูนัน เตโช ซึ่งจะเป็นทางลัดใหม่ที่เชื่อมพนมเปญกับอ่าวไทย
ส่วนสหรัฐฯ ก็มียุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เพื่อมุ่งแผ่อำนาจในเขตมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิกเช่นกัน ในยุคสงครามเย็น สหรัฐฯ เคยตั้งฐานทัพในไทยและเป็นพันธมิตรทางทหารกับไทยเพื่อสกัดกั้นคอมมิวนิสต์ในอินโดจีน นักยุทธศาสตร์ความมั่นคงสหรัฐฯ ย่อมตระหนักในทำเลทองของไทยซึ่งจะช่วยส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯในเอเชีย โดยเมื่อนำสภาพเงื่อนไขที่สหรัฐฯ ต้องแข่งขันกับจีนในเอเชียร่วมสมัยมาคำนวณคู่กับมรดกยุทธศาสตร์สหรัฐฯ ในยุคสงครามเย็น ก็คงมิแปลกนักหากจะวิเคราะห์ว่า การกระชับสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ และระหว่างกัมพูชากับสหรัฐฯ จะช่วยกระตุ้นให้สหรัฐฯ สามารถแข่่งขันประลองกำลังกับจีนได้มีประสิทธิภาพขึ้น
ทั้งนี้ หากกองเรือรบและเรือสินค้าสหรัฐฯ เดินทางมาเทียบท่าที่สีหนุวิลล์ของกัมพูชามากขึ้นเรื่อยๆ จีนจักต้องกังวลต่อฐานอำนาจของตนในกัมพูชาที่เริ่มถูกท้าทายจากสหรัฐฯ มิพักต้องกล่าวถึงเขตทรัพยากรธรรมชาติตรงพรมแดนทางบกและทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งอาจกลายเป็นจุดสนใจของสหรัฐฯ มากขึ้น ตามรูปการณ์นี้ การค้นพบทั้งสินแร่และป่าไม้ทางแถบเทือกเขาพนมดงรัก ตลอดจนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใต้ท้องทะเลอ่าวไทย อาจช่วยชักนำให้สหรัฐฯ เข้ามาผูกพันกับโครงสร้างภูมิรัฐศาสตร์ตรงชายแดนไทย-กัมพูชามากขึ้น และก็คงทำให้จีนต้องปรับยุทธศาสตร์บางอย่างเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ
สันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชาในยุคนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกุล กับ นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ล้วนมีพละกำลังของโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามากำกับควบคุมเส้นทางสันติภาพ ทว่า สันติภาพใต้กรงเล็บพญาอินทรี ก็คงต้องมีอะไรบางอย่างที่สัมพันธ์กับผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ และการเสริมสร้างสภาวะแวดล้่อมที่จะทำให้สหรัฐฯ เข้ามากินส่วนแบ่งการตลาดในอาเซียนได้มากขึ้น พร้อมสนับสนุนให้สหรัฐฯ มีสมรรถนะเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่จะแข่งขันต่อสู้กับจีนแบบเข้มข้นดุเดือดขึ้นในอนาคตอันใกล้

นายกสมาคมภูมิภาคศึกษา และอาจารย์ ม.ธรรมศาสตร์