อิหร่านขนทุ่นระเบิด เข้าอ่าวเปอร์เซีย จ่อปิดช่องแคบฮอร์มุซ
หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ รายงานว่า กองทัพอิหร่านได้บรรจุทุ่นระเบิดทางทะเลขึ้นเรือบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน (มิถุนายน 2568) ซึ่งสร้างความกังวลให้สหรัฐฯ ว่าอิหร่านกำลังเตรียมการปิดช่องแคบฮอร์มุซหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อการขนทุ่นระเบิดนั้นเกิดขึ้นหลังอิสราเอลโจมตีอิหร่านเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ไม่นานนัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อิหร่านอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซ
วันที่ 22 มิถุนายน 2568 หลังจากสหรัฐฯ โจมตีฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่ง มีรายงานว่ารัฐสภาอิหร่านมีท่าทีสนับสนุนการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นวิธีที่อิหร่านใช้ในการกดดันประเทศตะวันตกมานานหลายปีแล้ว แต่ยังไม่เคยเกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม การกดดันในการปิดช่องแคบครั้งนี้ดูเหมือนจะชัดเจนมากกว่าครั้งไหน ๆ แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปแน่นอนว่าอิหร่านจะปิดช่องแคบนี้หรือไม่ และรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน อับบาส อาราฆชี ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนว่า “อิหร่านยังมีทางเลือกอื่น ๆ อยู่”
อย่างไรก็ตาม การบรรทุกทุ่นระเบิดไปยังช่องแคบฮอร์มุซ ยังไม่มีรายงานว่านำไปใช้งานจจริง แต่ก็แสดงให้เห็นว่าอิหร่านมีการเตรียมพร้อมอย่างจริงจังที่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ และหากทุ่นระเบิดเหล่านั้นถูกนำไปใช้ จะหยุดเส้นทางการเดินเรือผ่านจุดยุทธศาสตร์สำคัญนี้ สำนักข่าว Reuters ชี้ว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น และอาจส่งผลร้ายต่อการค้าโลกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยแน่ชัดว่าอิหร่านบรรจุทุ่นระเบิดเหล่านั้นเมื่อใด หรือลำเลียงออกจากเรือหรือยัง แหล่งข่าวยังไม่ได้เปิดเผยว่าเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้อย่างไร แต่หน่วยข่าวกรองผู้เป็นแหล่งข่าวต้นทางนั้น มักจะใช้ข้อมูลผ่านภาพถ่ายจากดาวเทียมรวมกับแหล่งข่าวภาคพื้นดิน
รู้จักช่องแคบฮอร์มุซ
ช่องแคบฮอร์มุซคือช่องแคบที่มีความกว้างราว 55–95 กิโลเมตร แยกอิหร่านทางเหนือนอกจากเขตมูซันดัมของโอมานบนคาบสมุทรอาหรับทางใต้ เป็นเส้นทางทางทะเลเส้นเดียวที่เชื่อมอ่าวเปอร์เซียเข้ากับอ่าวโอมาน และทะเลอาหรับ
ด้วยภูมิศาสตร์ที่เชื่อมต่อพื้นที่แหล่งทรัพยากรเข้าด้วยกัน น้ำมันราว 20% ของโลกและก๊าซธรรมชาติจำนวนมากไหลผ่านช่องแคบฮอร์มุซทุกวัน เป็นท่อลำเลียงน้ำมันจากอิหร่าน อิรัก คูเวต กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก
ทุก ๆ วัน น้ำมันราว 20 ล้านบาร์เรลไหลผ่านช่องแคบแห่งนี้ หรือราว ๆ 1 ใน 5 ของน้ำมันที่โลกผลิตได้ต่อวันทีเดียว ทำให้ช่องแคบนี้มีความสำคัญ เป็น “คอขวดน้ำมันที่สำคัญ” มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตามคำกล่าวของสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) และน้ำมันที่ไหลผ่านช่องแคบฮอร์มุซราว 1 ใน 4 เดินทางไปยังทวีปเอเชีย โดยเฉพาะจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ส่งผลต่อราคาน้ำมัน
การปิดเส้นทางน้ำมันขนาดใหญ่นี้จะส่งผลกระทบไปทั่วโลกแน่นอน อดีตหน่วยข่าวกรอง MI6 ของอังกฤษ เซอร์ อเล็ก ยังเกอร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ไว้ในบทความวันที่ 23 มิถุนายนว่า
“การปิดช่องแคบจะสร้างปัญหาให้ระบบเศรษฐกิจอย่างแน่นอน และจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันด้วย [...] จะมีผลโดยตรงกับตลาดโลก เพราะคุณจะเห็นราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน และจะได้เห็นตลาดหุ้นตอบสนองอย่างวิตกกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
อดีตหน่วยข่าวกรองจากอังกฤษยังกล่าวว่า กลุ่มประเทศอ่าวจะได้รับผลกระทบแน่นอน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มนี้พึ่งพาการส่งออกพลังงานอยู่มาก ตัวอย่างเช่น ซาอุดีอาระเบีย ที่ส่งออกน้ำมันถึง 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือแม้แต่อิหร่านเองที่ส่งออกน้ำมันราว 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปีงบประมาณ 2024–2025 ที่ผ่านมา อิหร่านยังทำสถิติรายได้จากการส่งออกน้ำมันมากที่สุด ด้วยมูลค่า 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านทำเนียบขาว ตอบโต้ต่อประเด็นท่อลำเลียงดังกล่าวว่า “ต้องขอบคุณปฏิบัติการ Midnight Hammer อันชาญฉลาดของประธานาธิบดี เป็นปฏิบัติการที่สำเร็จในการต่อต้านกลุ่มฮูตี และดำเนินการกดดันขั้นสูง ทำให้ช่องแคบฮอร์มุซยังคงเปิดอยู่ มีเสรีภาพในการเดินเรือ และอิหร่านอ่อนแอลงอย่างมาก”
