Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ไทยลุ้นระทึกจะโดนภาษีเท่าไหร่? หลังสหรัฐฯประกาศคุยจบเวียดนามโดน 20%
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ไทยลุ้นระทึกจะโดนภาษีเท่าไหร่? หลังสหรัฐฯประกาศคุยจบเวียดนามโดน 20%

3 ก.ค. 68
10:25 น.
แชร์

เวียดนามกลายเป็นประเทศล่าสุดที่บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯได้ทันก่อนเส้นตาย 9 กรกฎาคม ซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนว่า สหรัฐฯจะขยายเวลาออกไปหรือไม่? แต่ข้อตกลงครั้งนี้ไม่ได้แลกมาด้วยความสบายใจนัก เพราะแม้เวียดนามจะยอม “ไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเลย” แต่สหรัฐฯ ก็ยังคงเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเวียดนามในอัตรา 20% และหากสินค้านั้นถูกมองว่า “เป็นของจีนที่แค่ส่งผ่านเวียดนาม” (transshipping) ก็จะโดนภาษีสูงถึง 40%

เวียดนามยอมทุกทาง…แต่ก็ยังโดนภาษี 20% 

สหรัฐฯ และเวียดนาม เจรจายาวนานหลายสัปดาห์ในที่สุดก็ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าโดยเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนาม นายโต้ ล่าม (To Lam) เป็นผู้นำการเจรจาซึ่งเวียดนามตกลงยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐทั้งหมด พูดง่ายคือ Zero Tariff  พร้อมทั้งสัญญาว่าจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากอเมริกา รวมถึงสินค้าเกษตรมูลค่ากว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ 

แต่ถึงจะยอมเปิดตลาดให้สหรัฐฯ เต็มที่ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ยังประกาศเก็บภาษี 20% กับสินค้าจากเวียดนาม และจะเพิ่มเป็น 40% หากพบว่าเป็นการ “แค่ประกอบขั้นสุดท้าย” แล้วส่งต่อจากจีนมายังสหรัฐ ซึ่งเป็นประเด็นที่ที่ปรึกษาระดับสูงอย่าง ปีเตอร์ นาวาร์โร เคยแสดงความกังวล พร้อมระบุว่า “เวียดนามแทบจะเป็นอาณานิคมของจีนคอมมิวนิสต์”

รายละเอียดของข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯกับเวียดนามยังไม่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการจากทำเนียบขาว แต่ก็ถือว่าข้อตกลงสหรัฐฯกับเวียดนามนี้เป็นข้อตกลงฉบับที่สามที่มีการประกาศออกมา ต่อจากสหราชอาณาจักรและจีน ท่ามกลางกระแสที่บรรดาประเทศคู่ค้าต่างเร่งทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ ก่อนถึงเส้นตายในวันที่ 9 กรกฎาคม

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามในอัตรา 46% ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน ภายใต้นโยบายภาษี “ตอบโต้แบบต่างตอบแทน” (reciprocal tariffs) ที่ครอบคลุมหลายสิบประเทศ แต่ต่อมาได้มีการปรับลดเหลือ 10% เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจาเกิดขึ้น

เวียดนามถือเป็นผู้ส่งออกอันดับ 6 ไปยังสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าสูงถึง 137,000 ล้านดอลลาร์ และเกินดุลการค้ากับสหรัฐเป็นอันดับ 3 รองจากจีนและเม็กซิโก ส่วนการส่งออกของเวียดนามในเดือนพฤษภาคมปีนี้ก็พุ่งขึ้นถึง 35% เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ เร่งส่งสินค้าให้ทันก่อนนโยบายภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้

เวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มียอดส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ผลิตจำนวนมากย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังเวียดนาม

ปัจจุบัน เวียดนามเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ในกลุ่มสินค้าเครื่องนุ่งห่มและชุดกีฬา โดยมีโรงงานของบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น Nike Inc., Gap Inc. และ Lululemon Athletica Inc. ตั้งอยู่ในประเทศจำนวนมาก

ทีมไทยแลนด์เดินหน้าเจรจาหวัง WIN WIN ทุกฝ่าย 

ด้านความคืบหน้าของไทย ล่าสุด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้นำทีม “ไทยแลนด์” เข้าหารือกับหอการค้าสหรัฐฯ และสมาคม US Grains Council โดยเน้นเจรจาเชิงรุก ทั้งเรื่อง tariff และ non-tariff barrier พร้อมเสนอให้ไทยเป็นพาร์ตเนอร์สำคัญในห่วงโซ่เศรษฐกิจของโลก

“ไทยยังเดินหน้าเต็มที่ในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หวังข้อตกลงแบบ win-win ทุกฝ่าย” นายพิชัยย้ำ พร้อมขอบคุณพันธมิตรภาคเอกชนสหรัฐฯ ที่สนับสนุนไทยมาโดยตลอด

ทีมไทยแลนด์เจรจาสหรัฐฯ ภาพจาก FB พิชัย ชุณหวชิร

คำถามที่หลายคนในวงการเศรษฐกิจกำลังจับตาคือ — หากเวียดนามยอมทุกอย่างยังไม่รอดภาษี แล้วไทยจะต้องเจออะไร? เราจะโดนเก็บภาษีมากน้อยแค่ไหน? จะมีสินค้ากลุ่มใดที่ถูกมองว่า “ส่งผ่านจีน” หรือไทยจะสามารถเจรจาจนได้ข้อยกเว้น?

ทุกสายตาจึงจับจ้องที่ผลลัพธ์ของทีมไทยแลนด์ ว่าเราจะต้องเผชิญกับอัตราภาษีเท่าไหร่ เพราะตามที่สหรัฐฯประกาศในช่วงแรกไทยโดนภาษีสูงถึง 36% ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจไทยที่กำลังชะลอตัว 

กกร.ประเมินหากโดนภาษี 18% GDP ไทยเหลือโต 1.5% 

ด้านคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร  ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า แม้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ จะมีความคืบหน้า โดยเฉพาะกับจีนและสหราชอาณาจักร แต่ยังไม่น่าที่จะได้ข้อสรุปที่เป็นรูปธรรม ก่อนวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ซึ่งอาจจะนำไปสู่การเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงขึ้นหากไม่ขยายเวลา ขณะที่เศรษฐกิจประเทศหลักที่มีแนวโน้มแผ่วลง นอกจากนี้ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง อาจมีความรุนแรงขึ้นได้อีก

เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มอ่อนแรงลง คาดทั้งปี 2568 ขยายตัวในระดับต่ำราว 1.5-2.0% โดยจะเติบโตใกล้เคียง 2.0% หากอัตราภาษีที่ไทยโดนเรียกเก็บยังอยู่ที่ 10% ในครึ่งปีหลัง แต่จะลดลงมาใกล้ 1.5% หากโดนเรียกเก็บที่ 18% หรือครึ่งหนึ่งของอัตรา Reciprocal Tariff 

การส่งออกไทยในครึ่งหลังของปีจะหดตัว มูลค่าการส่งออกของไทยช่วง 5 เดือนแรกขยายตัว 14.9%YoY จากการเร่งนำเข้าก่อนหมดช่วงผ่อนปรนของมาตรการภาษีของสหรัฐฯ แต่ระยะข้างหน้ามีสัญญาณแผ่วลงและมีความเป็นไปได้ที่มูลค่าการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีจะหดตัวกว่า 10%YoY ทำให้การส่งออกทั้งปีขยายตัวใกล้เคียง 0% ซึ่งจะกระทบต่อภาคการผลิต การจ้างงาน และรายได้ของแรงงานในห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง

กกร.แถลงข่าว 2 ก.ค.68

ท่ามกลางอุปสงค์ภายในประเทศที่มีแนวโน้มชะลอลง จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ต่ำกว่าคาด รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ 2568 ที่เหลืออยู่ และการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ซึ่งจะมีผลต่อเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ 

ที่มา  : Bloomberg , FB พิชัย ชุณหวชิร, กกร.

แชร์
ไทยลุ้นระทึกจะโดนภาษีเท่าไหร่? หลังสหรัฐฯประกาศคุยจบเวียดนามโดน 20%