
วันที่ 30 ต.ค.2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางมาที่ หมู่บ้านไทยนิยม ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับปราสาทตาควาย ประมาณ 6 กิโลเมตร
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางสังรวม คุชิตา อายุ 52 ปี ชาวบ้านไทยนิยม (ใกล้ปราสาทตาควาย) ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า บนปราสาทตาควาย ก่อนหน้านี้ชาวบ้านในพื้นที่ จะขึ้นไปทำบุญบวงสรวง ทุกวันที่ 22 เมษายนของทุกปี และจะมีแต่คนไทย ไม่เคยมีชาวกัมพูชา เพราะประสาทตาควาย คือของไทย แต่ปัจจุบันหลังจากการปะทะพบว่าทหารของกัมพูชาเข้ามาอยู่ภายในปราสาทตาควาย ตนเองในฐานะประชาชนในพื้นที่ก็อยากจะได้ปราสาทตาควายคืน
ส่วนกรณี ที่นายกรัฐมนตรีอนุทิน ไปเซ็นข้อตกลงสันติภาพนั้น นายกรัฐมนตรีเซ็นคนเดียว ทราบคนเดียว ชาวบ้านไม่รู้เรื่องด้วย แต่ขอยืนยันว่าประชาชนในพื้นที่อยากได้ปราสาทตาควายคืน หากนายกรัฐมนตรีไม่อยากได้ ก็ให้ไปเป็นนายกของกัมพูชา
ส่วนกรณีที่ทหารกัมพูชาบอกว่าจะถอนอาวุธออกจากพื้นที่ "ใครเชื่อก็หมาเท่านั้นแหละ" เพราะกัมพูชา ขี้โกง ไว้ใจไม่ได้ และทุกวันนี้ชาวบ้านในพื้นที่ก็ไม่สามารถขึ้นไปบนปราสาทตาควายได้
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการรวมตัวกันขี่รถจักรยานยนต์ ขึ้นไปทวงปราสาทตาควายคืนนั้น หากมีกลุ่มคนกลุ่มนี้ขึ้นไปจริงๆ ตนเองจะขอไปด้วย และตนเองไม่กลัวเพราะเกิดมาก็ตายครั้งเดียว เพราะคำว่า "เขมรยึดประสาทตาควายไปได้แล้ว" คนในพื้นที่ฟังแล้วก็รู้สึก น้อยใจ และ เจ็บใจ เพราะชาวบ้านในพื้นที่เคยขึ้นไปท่องเที่ยวไปถ่ายภาพ เคยเข้าไปทำมาหากิน และนั่นคือผืนแผ่นดินของไทย แต่ทุกวันนี้เข้าไปไม่ได้
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะมีการเปิดด่านชายแดนนั้น ยืนยันไม่อยากให้มีการเปิดด่าน อยากให้ปิดถาวรไปเลยด้วยซ้ำ เพราะขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่พร้อมคืนดีกับกัมพูชา
ส่วนกรณีกัน จอมพลัง โดนกระแสดรามา จนสุดท้ายวันนี้ถูกเชิญไปให้ข้อมูลชี้แจง ส่วนตัวแล้วมองว่าจุดที่ กัน จอมพลัง เข้าไป ก็เป็นพื้นที่เขตดินแดนไทย และเปิดเสียงในผืนแผ่นดินไทย หากเขมรทนไม่ได้ ก็ให้ออกจากพื้นที่ไป แค่นั้นเอง
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเขมรล้ำที่ของเราก็จริง แต่ไทยก็ล้ำที่ของเขมรเหมือนกันนั้น ยืนยันว่า ไทยไม่เคยรุกล้ำดินแดนของเขมร และมองว่ากรณีที่นายกรัฐมนตรีพูดแบบนี้ ฝั่งกัมพูชาก็จะเอาข้อความที่พูดไปอ้างแน่นอน ซึ่งนายกก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่พูด
หากสุดท้ายแล้ว ปราสาทตาควายต้องตกเป็นของกัมพูชาจริงๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ หากชาวบ้านถือปืนไปรบ เพื่อต่อสู้ เอาดินแดนประสาทตาควายกลับคืนมาได้ ตนเองก็จะทำ และเชื่อว่าชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการถือปืนไปรบกับทหารกัมพูชา เพื่อชิงเอาพื้นที่ปราสาทตาควายคืน
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายสุดท้าย สุขศรีเด่น อายุ 53 ปี ชาวบ้านใกล้ประสาทตาควาย เผยว่า ปกติชาวบ้านในพื้นที่จะรำแห่ เพื่อไปบวงสรวง บนปราสาทตาควายเป็นประจำทุกปี แต่หลังจากปะทะก็ถูกกัมพูชายึด ซึ่งปราสาทตาควายเป็นของไทย กรณีที่ทหารกัมพูชายึดประสาทตาควายไปแล้ว ชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีใครยอมเด็ดขาด หลังจากนี้ก็จะจับมือกันต่อสู้ กับทหารกัมพูชา เพื่อเอาปราสาทตาควายคืน
จากนั้น นายสุดท้ายฯ ได้ร้องเพลง ที่แต่งขึ้นเอง ซึ่งเกี่ยวกับ อ.พนมดงรัก และ ประสาทตาควาย ให้กับผู้สื่อข่าวฟังด้วย
Advertisement