ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ 32.73 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาด เมื่อวานที่ระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์
เมื่อวานนี้ค่าเงินดอลลาร์แกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 32.38-32.50 ในขณะที่สกุลเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสมทั้งแข็งค่าและอ่อนค่า เนื่องจากตลาดรอ ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธตามคาด โดยระบุว่าอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนก.ย.หรือไม่ และระบุว่านโยบายการเงินของเฟดในปัจจุบันอยู่ในระดับที่คุมเข้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.
เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 67 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,266 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 32.55/ ขาย 32.95
* แนะนำ ซื้อ 37.20/ ขาย 37.70
* แนะนำ ซื้อ 0.2180/ ขาย 0.2230
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.40 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ แข็งค่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดวานนี้ที่ 32.44 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ
เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ารายใหญ่จะคลี่คลายลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีการแถลงในวันนี้ (30 ก.ค.) ตามเวลาสหรัฐฯ และจับตาการแถลงข่าวของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด โดยตลาดคาดการณ์ว่าคณะกรรมการเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้
ตัวเลขผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) จากสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเผย ซึ่งเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ลดลง 275,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.437 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 7.50 ล้านตำแหน่ง โดยได้รับผลกระทบจากนโยบายเรียกเก็บภาษีศุลกากรของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจเกิดความลังเลในการจ้างงาน
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ปรับตัวขึ้น 2.0 จุด สู่ระดับ 97.2 และสูงกว่าคาดไว้ที่ระดับ 95.0 ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค สถานะการเงินส่วนบุคคล การจ้างงาน รวมทั้งความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและในช่วง 6 เดือนข้างหน้า สำหรับผู้บริโภคยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์
ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะประกาศใช้ภาษีศุลกากรพื้นฐานในอัตรา 15%-20% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดที่เข้ามายังสหรัฐจากประเทศที่ยังไม่ได้ทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ อย่างไรก็ดี อัตราภาษีพื้นฐานที่ระดับ 15%-20% ยังคงสูงกว่าระดับ 10% ที่ปธน.ทรัมป์เคยประกาศไว้ในเดือน เม.ย.
เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนได้เสร็จสิ้นการเจรจาการค้าที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะขยายระยะเวลาการระงับขึ้นภาษีศุลกากรระหว่างกันออกไป หลังการเจรจาเป็นเวลาสองวัน ซึ่งเป็นการเจรจาการค้ารอบที่ 3 ของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก แต่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ประกาศความคืบหน้าในการเจรจา หรือกำหนดเวลาที่ชัดเจนของการขยายเวลาการระงับการขึ้นภาษีแต่อย่างใด
ปัจจัยที่ต้องติดตาม การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค. และการเปิดเผย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ก.ค. เพื่อประเมินว่ามาตรการภาษีศุลกากรจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติวันที่ 7 ก.ค นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,379.80 ล้านบาท และซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 71.93 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.30/ขาย 32.60
* แนะนำ ซื้อ 37.25 /ขาย 37.65
* แนะนำ ซื้อ 0.2165 / ขาย 0.2205
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.49 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเมื่อเทียบจากราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ ที่ระดับ 32.40 บาท/ดอลลาร์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตอบรับต่อการที่สหรัฐบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) และได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งซึ่งบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจใช้เวลานานขึ้นก่อนกลับมาลดอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ก.ค.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 108,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. ซึ่งจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าเดือนก่อนหน้า และคาดว่าอัตราว่างงานอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 267 ล้านบาท และซืัอสุทธิพันธบัตรไทย 162 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.30/ขาย 32.60
* แนะนำ ซื้อ 37.65 / ขาย 38.20
* แนะนำ ซื้อ 0.2170 / ขาย 0.2230
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.24 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.28 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามการคาดการณ์ของตลาด หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 8 ครั้งนับตั้งแต่ ECB เริ่มวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.2567 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 2.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 2.40% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 2.15%
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.6 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 52.9 ในเดือน มิ.ย. ดัชนี PMI ได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของการจ้างงาน ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.5 ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 52.9 ในเดือน มิ.ย. โดยดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิต นอกจากนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 227,000 ราย
จับตาความคืบหน้าของไทยได้ยื่นข้อเสนอสุดท้ายประกอบการเจรจาภาษีกับสหรัฐ พร้อมคาดว่าไทยจะได้ระดับภาษีที่สามารถแข่งขันในระดับอาเซียน และติดตามความเคลื่อนไหวของราคาทองคำ นอกจากนี้ ตลาดจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เดินทางเยือนสำนักงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้โดยคาดว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างปธน.ทรัมป์และพาวเวลจะเป็นการกดดันและแทรกแซงความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายของเฟด โดยที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์มักวิพากษ์วิจารณ์พาวเวลจากการที่เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 29-30 ก.ค.นี้ และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,605 ล้านบาท และซืัอสุทธิพันธบัตรไทย 3,558 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.10/ขาย 32.50
* แนะนำ ซื้อ 37.70/ขาย 38.20
* แนะนำ ซื้อ 0.2170 / ขาย 0.2230
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.15 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.16 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้
โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากยังรอความชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ
ทั้งนี้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจปลดนายเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
โดยนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่รีบร้อนที่จะเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่เพื่อมาแทนที่นายพาวเวล
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 4,492.43 ล้านบาท และซืัอสุทธิพันธบัตรไทย 617 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.00/ขาย 32.30
* แนะนำ ซื้อ 37.50 /ขาย 38.00
* แนะนำ ซื้อ 0.2170 / ขาย 0.2230
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.20 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาด เมื่อวานนี้ที่ระดับ 32.30 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินของเฟดในการกล่าวสุนทรพจน์ เปิดการประชุมว่าด้วยการทบทวนแบบบูรณาการเกี่ยวกับกรอบเงินกองทุนสำหรับธนาคารขนาดใหญ่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อคืนนี้ เนื่องจากเฟดเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 29-30 ก.ค.
อย่างไรก็ตามนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กดดันอย่างหนักให้นายพาวเวลปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน และธันวาคม
นอกจากนี้นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้ส่งสัญญาณขยายเส้นตายทางการค้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำหนดขึ้นกับจีน เพื่อเปิดทางให้สหรัฐและจีนยังคงทำการเจรจาข้อตกลงการค้าต่อไป โดยระยะเวลาผ่อนผันครั้งก่อนมีอายุ 90 วันซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 ส.ค.
ในที่สุดคณะรัฐมนตรีไทยก็ได้แต่งตั้งคุณวิทัย รัตนากร เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนต่อไป
แทนคนปัจจุบันที่จะหมดวาระในวันที่ 30 กย. นี้ ซึ่งคุณวิทัยถือว่ามีจุดยืนในการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และสนับสนุนการประสานงานที่แข็งแกร่งระหว่างนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน
เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 723 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 795 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 32.05 / ขาย 32.35
* แนะนำ ซื้อ 37.50 / ขาย 38.00
* แนะนำ ซื้อ 0.2180 / ขาย 0.2220
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.24 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.37 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากราคาทองคำตลาดโลกที่เร่งตัวสูงขึ้นกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง และสามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซน 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากประเด็นความกังวลเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
เมื่อคืนที่ผ่านมาไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯ ทั้งนี้ปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตามข่าวเรื่องการเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ โดยล่าสุด รมช.คลัง แถลงว่าข้อเสนอทางภาษีที่จะให้กับสหรัฐฯ นั้น เบื้องต้นไทยอาจไม่สามารถเปิดได้ทั้งหมดเหมือนเช่นเวียดนาม ที่ให้สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เหลือ 0% เพราะมองว่าการเปิดทั้งหมดจะมีผลกระทบมากต่อทั้งภาคเกษตร และภาคธุรกิจของไทย ส่วนจะเป็นสินค้ากลุ่มใดที่สามารถให้ได้ 0% หรือสินค้ากลุ่มใดที่ไม่สามารถให้ได้ 0% นั้น ยังไม่สามารถบอกได้เพราะยังอยู่ระหว่างการเจรจา
แนวโน้มค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ Sideways จนกว่าจะถึงกำหนดเส้นตายภาษีสหรัฐฯ ใหม่ในวันที่ 1 ส.ค. หรือหลังได้รับรู้ผลการเจรจาการค้าอย่างชัดเจนก่อนหน้า
เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 567 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,150 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 32.15
* แนะนำ ทยอยขายที่ระดับ 37.90
* แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2170
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.38 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับราคาปิดตลาด เมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 32.40 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (18 ก.ค.) แต่ยังคงปรับตัวขึ้นได้ในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนจับตาท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ท่ามกลางสัญญาณว่าภาษีนำเข้าอาจเริ่มเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงวิจารณ์ เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดอย่างต่อเนื่อง
คริส วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เขาสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค. เพราะเชื่อว่าผลกระทบจากภาษีต่อเงินเฟ้อมีจำกัด พร้อมระบุว่าข้อมูลปัจจุบันไม่สะท้อนถึงตลาดแรงงานภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และเฟดควรเร่งดำเนินการล่วงหน้า ก่อนการจ้างงานจะชะลอตัวลง
เมื่อวันศุกร์นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 455 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 842 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 32.30/ ขาย 32.60
* แนะนำ ซื้อ 37.40/ ขาย 37.90
* แนะนำ ซื้อ 0.2150/ ขาย 0.2200
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.47 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ แข็งค่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดวานนี้ที่ 32.48 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ดอลล่าร์ยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวยืนยันว่า เขาไม่มีแผนที่จะปลดนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกจากตำแหน่ง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน มิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% หลังจากลดลง 0.9% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือน พ.ค. หากไม่รวมยอดขายน้ำมันและรถยนต์ ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. หลังจากทรงตัวในเดือน พ.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 232,000 ราย
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 1.96 ล้านราย
สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องติดตามต่อ คือ มาตรการภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐ ทิศทาง Fund Flow ของต่างชาติ ราคาทองคำในตลาดโลก
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ วันที่ 7 ก.ค นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2,494.87 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 291.49 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.40/ขาย 32.60
* แนะนำ ซื้อ 37.55 /ขาย 37.95
JPY/THB 0.2170 - 0.2210
* แนะนำ ซื้อ 0.2170 / ขาย 0.2210
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.50 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.55 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก สอดรับกับการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเพิ่มโอกาสของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.
นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค. และอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 2 ครั้ง ในการประชุมเดือน ก.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ในการประชุมเดือน ธ.ค.
ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับมาตรการภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 475 ล้านบาท และซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 680 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.30/ขาย 32.80
* แนะนำ ซื้อ 37.60 /ขาย 38.00
* แนะนำ ซื้อ 0.2180 / ขาย 0.2230
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.56 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.43 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ปรับตัวขึ้นจากเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณเงินเฟ้อจากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง โดยคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.และธ.ค. ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือน ก.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือน มิ.ย. โดยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือน มิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 2.6% จากระดับ 2.4% ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือน มิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 3.0% จากระดับ 2.8% ในเดือน พ.ค
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับอินโดนีเซียแล้ว ทั้งนี้ สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากอินโดนีเซียในอัตรา 19% หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐขู่เรียกเก็บภาษีดังกล่าวสูงถึง 32%ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ อินโดนีเซียได้ให้คำมั่นว่าจะซื้อพลังงานจากสหรัฐวงเงิน 15,000 ล้านดอลลาร์ สินค้าเกษตรจากสหรัฐวงเงิน 4,500 ล้านดอลลาร์ และเครื่องบินโบอิ้ง 50 ลำ ซึ่งหลายลำเป็นรุ่น 777
ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน มิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย และจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเช้าวันที่ 17 ก.ค.
สถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 592 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 1,363 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.40/ขาย 32.80
* แนะนำ ซื้อ 37.60 /ขาย 38.20
* แนะนำ ซื้อ 0.2170 / ขาย 0.2230
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.46 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.40 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นแตะระดับ 4.439% ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยเฟด โดยข้อมูลดังกล่าวรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มิ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน มิ.ย., ยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ประจำเดือน มิ.ย.ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ จะปรับตัวขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือน พ.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือน มิ.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือน พ.ค.
นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้า โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโก ในอัตรา 30% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2568
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ วานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,374.01 ล้านบาท และซืัอสุทธิพันธบัตรไทย 822 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.30/ขาย 32.60
* แนะนำ ซื้อ 37.60 /ขาย 38.20
* แนะนำ ซื้อ 0.2170 / ขาย 0.2230
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.44 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 32.52 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จุดกระแสความตึงเครียดทางการค้าขึ้นมาอีกครั้งด้วยการประกาศ จะเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโก โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ทรัมป์ยังได้เสนอให้เก็บภาษีครอบคลุมในอัตรา 15% หรือ 20% กับประเทศต่าง ๆ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากอัตราพื้นฐาน 10% ที่ใช้ในปัจจุบัน
โดยตลาดตอบรับต่อภาษีรอบใหม่นี้ค่อนข้างสงบ เมื่อเทียบกับการเทขายอย่างรุนแรงเมื่อเดือน เม.ย. แต่บรรยากาศการซื้อขายยังคงเปราะบางจากความไม่แน่นอนของการค้าทั่วโลก และข้อสงสัยว่าเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.จะเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่
แม้ความกังวลเรื่องภาษีจะช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ในระยะสั้น แต่ยังมีอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนดอลลาร์คือ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และรายงานการประชุมล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ลดความคาดหวังเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยในระยะสั้น
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามที่จะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับมาตรการภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า (รวมถึงไทย) ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ และทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก
เมื่อวันศุกร์นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,563 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,187 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 32.30 / ขาย 32.60
* แนะนำ ซื้อ 37.65 / ขาย 38.15
* แนะนำ ซื้อ 0.2180 / ขาย 0.2220
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.63 แข็งค่าขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อวันทำการก่อนหน้าที่ระดับ 32.70 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่สกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียค่อนข้างทรงตัวในวันพฤหัสบดี เนื่องจากตลาดรอประเมินการตอบโต้ด้านภาษีการค้าครั้งใหม่จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และในภาพรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยสำคัญใหม่ ระหว่างรอข่าวการเจรจาการค้า ซึ่งจะเป็นประเด็นที่ตลาดเงินให้น้ำหนักมากที่สุด ณ ตอนนี้
แนวโน้มค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ Sideways จนกว่าจะถึงกำหนดเส้นตายภาษีสหรัฐฯ ใหม่ในวันที่ 1 ส.ค. หรือหลังได้รับรู้ผลการเจรจาการค้าอย่างชัดเจนก่อนหน้านั้น หากไทยไม่สามารถเจรจาภาษีต่ำกว่า 36% คาดว่าการลงทุนตรง (FDI) อาจจะหายไปเพราะนักลงทุนอาจไม่เห็นประโยชน์ที่จะมาตั้งฐานการผลิตในไทย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากการส่งออกจะน้อยลง โดยครึ่งปีหลัง GDP มีโอกาสติดลบเทียบไตรมาสต่อไตรมาส รวมไปถึงดุลบัญชีเดินสะพัดในระยะยาวอาจติดลบต่อเนื่อง และจะกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนได้.
เมื่อวันทำการก่อนหน้า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,452 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 6 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 32.50
* แนะนำ ทยอยขายที่ระดับ 38.40
* แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2220
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.60 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยเทียบกับราคาปิดตลาด เมื่อวานนี้ที่ระดับ 32.54 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ตามการปรับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งปรับตัวไร้ทิศทางเช่นกัน
ทั้งนี้ตลาดรอติดตามความคืบหน้า การเจรจามาตรการภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ-จีน โดยเป็นการเจรจาระหว่าง "สก็อตต์ เบสเซนต์" รมว.คลังสหรัฐฯ กับ "เหอ หลี่เฟิง" รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า การเจรจาการค้าน่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจโลกให้แข็งแกร่ง และจะช่วยให้อุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งรวมถึงน้ำมัน ปรับตัวขึ้นด้วย ขณะเดียวกันอาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำเพียงเล็กน้อย
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในสัปดาห์หน้า
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมวันที่ 17-18 มิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันนี้ (9 ก.ค.) เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟด โดยคาดการณ์ว่าเฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน และธันวาคม
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งจะประกาศในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่มีการคาดกันว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนพ.ค.
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,910 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 162 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 32.45 / ขาย 32.75
* แนะนำ ซื้อ 38.05 / ขาย 38.55
* แนะนำ ซื้อ 0.2200 / ขาย 0.2260
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.63 บาท/ดอลล่าร์ อ่อนค่าเล็กน้อย เทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 32.60 บาท/ดอลล่าร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยนักลงทุนจับตาการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐต่อประเทศคู่ค้าต่างๆ
ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศในวันจันทร์ (7 ก.ค.) เมื่อคืนนี้ตอน 23.00 น (ตามเวลาไทย) ได้ส่งจดหมายเรียกเก็บภาษีศุลกากร จำนวน 14 ประเทศ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. มีบางประเทศถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้น จากระดับที่ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย. โดย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย คาซัคสถาน และตูนิเซีย จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% แอฟริกาใต้และบอสเนีย 30% อินโดนีเซีย 32% บังกลาเทศและเซอร์เบีย 35% กัมพูชาและไทย 36% ลาวและเมียนมา 40% โดยจดหมายที่ปธน.ทรัมป์ลงนามยังระบุเพิ่มเติมว่า สหรัฐฯ "อาจจะ" พิจารณาปรับระดับภาษีใหม่ "โดยขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของเรากับประเทศของคุณ" และโฆษกทำเนียบขาวได้กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อเลื่อนกำหนดเส้นตายวันพุธที่ 9 ก.ค. ออกไปเป็นวันที่ 1 ส.ค.
เมื่อวานนี้ บาทอ่อนค่าสุดในภูมิภาค เพราะกังวลเรื่องการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ประกอบกับข่าวว่าสหรัฐฯ จะขึ้นภาษีอีก 10% กับ ประเทศในกลุ่ม BRICS และระหว่างวันราคาทองระหว่างวันย่อตัวลง จึงเป็นอีกปัจจัยที่กดดันค่าเงินบาท
ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ การคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคเดือน มิ.ย., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 17-18 มิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 573.67 ล้านบาท และซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 829.98 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.50/ขาย 32.70
* แนะนำ ซื้อ 38.10 /ขาย 38.50
* แนะนำ ซื้อ 0.2215 / ขาย 0.2255
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.40 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับราคาปิดตลาดเมื่อปลายสัปดาห์ ที่ระดับ 32.37 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก จากการที่นักลงทุนกังวลเรื่องความเสี่ยงด้านนโยบายภาษีที่จะครบกำหนดการประกาศใช้ในวันที่ 9 ก.ค. นี้ และความไม่แน่นอนของนโยบายการปรับลดดอกเบี้ยของ FED อาจฉุดภาพรวมเศรษฐกิจ ขณะที่ค่าเงิน EUR เมื่อเทียบกับ USD จะยังคงมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง
ปัจจัยที่ยังคงต้องติดตามได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ของไทย และตัวเลขเงินเฟ้อในฝั่งสหรัฐฯ มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ สถานการณ์การเมืองในประเทศ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ทั้งนี้นักวิเคราะห์ยังคงให้น้ำหนักต่อการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
สถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,338 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 1,495 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.30 /ขาย 32.60
* แนะนำ ซื้อ 38.00 /ขาย 38.40
* แนะนำ ซื้อ 0.2220 / ขาย 0.2260
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.42 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.36 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ส่งผลทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่ง ทำให้คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน และธันวาคม จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 93.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือน ก.ค. และให้น้ำหนัก 68% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือน มิ.ย. สูงกว่าที่คาดอยู่ที่ระดับ 111,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ค. นอกจากนี้ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานลดลงครั้งแรก 4,000 ราย สู่ระดับ 233,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 241,000 รายนอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.15 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน พ.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดที่ระดับ 6.99 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 6.03 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน เม.ย.
สถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 63 ล้านบาท และซืัอสุทธิพันธบัตรไทย 2,076 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.20/ขาย 32.60
* แนะนำ ซื้อ 37.90 /ขาย 38.40
* แนะนำ ซื้อ 0.2230 / ขาย 0.2270
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.36 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.44 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ลดลง 33,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2566 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 29,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ย.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนามแล้ว โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเวียดนามในอัตรา 20% ซึ่งน้อยกว่าที่สหรัฐฯ เคยขู่ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากเวียดนามสูงถึง 46%
ขณะเดียวกัน คณะบริหารของปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าการทำข้อตกลงการค้ากับอินเดียกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ อย่างไรก็ดี ประเทศอื่น ๆ อาจจะยังไม่พร้อมทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ ภายในวันที่ 9 ก.ค.
ในวันนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 120,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 4.2% ในเดือนพ.ค.
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 680.03 ล้านบาท และซืัอสุทธิพันธบัตรไทย 222 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 32.20/ขาย 32.50
* แนะนำ ซื้อ 37.90 /ขาย 38.40
* แนะนำ ซื้อ 0.2230 / ขาย 0.2280
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.45 บาท/ดอลลาร์ แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดตลาด เมื่อวานนี้ที่ระดับ 32.42 บาท/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะของสหรัฐ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายภาษีและการใช้จ่ายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เผชิญกับการขาดดุลงบประมาณ รวมทั้งนักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์การค้าโลก หลังจากปธน.ทรัมป์ยืนยันว่าเขาไม่มีแผนที่จะขยายระยะเวลาผ่อนผันการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศคู่ค้าหลังจากวันที่ 9 ก.ค.
นักลงทุนยังจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ โดยพาวเวลย้ำว่าเฟดยังคงใช้แนวทางการรอดูและประเมินผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรที่จะมีต่อเงินเฟ้อ ก่อนที่เฟดจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 120,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อวานนี้หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯของไทย ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทไม่มาก แต่ในระยะถัดไปตลาดพยายามมองว่าจะส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายและเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างไร
เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,419 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 776 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 32.30 / ขาย 32.60
* แนะนำ ซื้อ 38.00 / ขาย 38.50
* แนะนำ ซื้อ 0.2240 / ขาย 0.2280
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 32.43 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทยังคงมีโมเมนตัมการแข็งค่าจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์, การปรับลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และราคาทองฟิวเจอร์ที่ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทะลุระดับ 3,300 ดอลลาร์/ออนซ์
คาดว่าวันนี้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยปัจจัยต่างประเทศจะต้องรอดูข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิถุนายนของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีความสำคัญมากเป็นพิเศษ ท่ามกลางความคาดหวังด้านดอกเบี้ยซึ่งอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยหากตัวเลขอ่อนแอกว่าคาดจะทำให้ตลาดปรับคาดการณ์โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ 3 ครั้งในปีนี้ และจะกดดันค่าเงินดอลลาร์ต่อเนื่อง หลังจากประธานเฟดเปิดช่องไว้สำหรับการลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นถ้าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้ความควบคุม และตลาดแรงงานอ่อนแอลง อีกทั้งเริ่มมีเจ้าหน้าที่เฟดบางราย กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ยังรอดูการส่งสัญญาณด้านนโยบายจากธนาคารกลางหลักหลายแห่งในงานสัมมนาประจำปีที่จัดขึ้น โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB).
ด้านปัจจัยในประเทศ ได้แก่ประเด็นการเมืองรอดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ โดยถ้ามีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะมีรองนายกฯ ขึ้นมารักษาการแทน ในกรณีนี้มองว่าเงินบาทระหว่างวันอาจจะผันผวน แต่คาดว่าจะมีผลต่อค่าเงินบาทจำกัดเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น
เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,289ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 116 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 32.35
* แนะนำ ทยอยขายที่ระดับ 38.40
* แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2230