Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ปิดเกมคนโกงภาษีทลายเครือข่ายฉ้อโกงภาษี รัฐเสียหายกว่า 1,000 ล้าน

ปิดเกมคนโกงภาษีทลายเครือข่ายฉ้อโกงภาษี รัฐเสียหายกว่า 1,000 ล้าน

30 มิ.ย. 68
13:43 น.
แชร์

เปิดปฏิบัติการปิดเกมคนโกงภาษีทลาย เครือข่ายฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม รัฐเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท เตรียมขยายผลหาผู้เกี่ยวข้อง

วันที่ 30 มิ.ย. 68 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกับ กรมสรรพากร แถลงผลปฏิบัติการปิดเกมส์กลโกงภาษี (Anti Tax Fraud Operation) ทลายกลุ่มเครือข่ายฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำรัฐเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท

พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชวนาศัย รอง ผบช.ก. ระบุว่า คดีนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง บก.ปอศ. และกรมสรรพากร โดยใช้เวลากว่า 6 เดือน ในการรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อคลี่คลายพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งนำไปสู่การปฏิบัติการเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร และตำรวจร่วมปฏิบัติการเกือบ 50 นาย

เป็นการดำเนินการอีกเคสหนึ่ง ที่สามารถทวงคืนกลุ่มบุคคลที่พยายามโกงภาษีของรัฐ โดยจากการประเมินพบว่ามีความเสียหายจากการกระทำความผิดเป็นเงินกว่า 1,000 ล้านบาท

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. เปิดเผยว่าสืบเนื่องเนื่องมาจากกลางปี 2565 กรมสรรพากรได้ดำเนินคดีกับร้านค้าที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ชื่อร้านพนิดา ซึ่งมี นางสาวพนิดา เป็นเจ้าของร้าน โดยดำเนินคดีในข้อหาออกใบกำกับภาษีโดยมิชอบ จึงทำการสอบสวน นางสาวพนิดา จนทำให้ขยายผลไปถึงกลุ่มของ นายสำราญ เป็นผู้จัดทำเป็นระบบภาษีให้กับนางสาวพนิดา ที่ใช้ขอคืนภาษีกับกรมสรรพากร ทางบก.ปอศ. จึงได้สืบสวนสอบสวนในเรื่องดังกล่าว

พบว่านายสำราญ เปิดบริษัทแห่งหนึ่ง โดยมีนายสำราญเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท โดยที่ตั้งของบริษัทดังกล่าวอยู่ใน อ.แม่สอด จ.ตาก บริษัทดังกล่าว เก่าประกอบกิจการนำเข้าส่งออก อุปโภค บริโภคไปยังประเทศเมียนมา และบริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนผู้ประกอบกิจการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20)

นอกจากนี้ยังพบว่านายสำราญ ได้ให้ญาติพี่น้องและลูกสาว รวมถึงพนักงาน และเพื่อน ทำการเปิดบริษัทที่มีลักษณะคล้ายๆกัน อีกกว่า 20 บริษัท โดยทุกบริษัทได้มีการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบกิจการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) ซึ่งนายสำราญทราบว่า การส่งสินค้าเพื่อไปจำหน่าย ให้กับผู้ประกอบการในประเทศเมียนมาร์ จะได้รับการยกเว้นภาษีจากกรมสรรพากร โดยมีเจตนาสร้างภาพการซื้อขายเท็จ เพื่อทำให้ราคาของสินค้าสูงมากขึ้นเรื่อยเรื่อยๆ โดยนายสำราญได้ใช้ช่องทาง นี้เป็นช่องทางในการทำผิด

หลังจากนั้นทางกรมสรรพากรได้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และได้เรียกนายสำราญให้เข้ามาชำระภาษี แต่ปรากฏว่าตัวนายสำราญไม่ยอมมาพบเจ้าหน้าที่ รวมทั้งพยายามบ่ายเบี่ยงหลบหนีไม่มาตามคำสั่ง ต่อมาได้มีการกำหนดเพิ่มค่าปรับ ที่กรมสรรพากรได้รับเป็นคดีนี้อยู่ที่ 1000 ล้านบาท และเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ก่อนที่จะทำการสืบสวนสอบสวนเครือข่ายข้างต้น จึงนำไปสู่การออกหมายจับ นายสำราญ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวนทั้งสิ้น 10 ราย และออกหมายค้นเข้าตรวจค้นพื้นที่จำนวน 14 จุด ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และอำเภอแม่สอด จ.ตาก

พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รองผกก.2 บก.ปอศ. ระบุว่ากลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้รู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถรู้ได้ว่าแต่ละคนอยู่ที่ไหน ทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถรู้เวลาที่จะเข้าไปจับกุม และตรวจค้น รวมถึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากผู้ต้องหาข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะบริษัทตั้งติดกับในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน

จากการเข้าตรวจค้นบริษัท และโกดังสินค้าของผู้ต้องหาที่จัดส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าเป็นสินค้าที่ถูกใช้งานแล้ว จึงเป็นหลักฐานสำคัญว่าสินค้าที่ส่งออกไปนั้นเป็นสินค้าปลอม เพราะเป็นสินค้าที่ใช้ไม่ได้จริง

จากการเข้าปฏิบัติการสามารถจับกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 10 คน ตรวจค้น 14 จุด และยึดของกลางเพื่อเป็นหลักฐาน เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมอุปกรณ์จำนวน 30 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 20 เครื่อง และเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวน 100,000 ฉบับ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 10 คนไปฝากขังต่อศาล พร้อมคัดค้านการประกันตัว

น.ส.สลักจิต พงษ์ศิริจันทร์ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี ระบุว่า สำหรับใบกำกับภาษีที่นำมาสู่การจับกุมในครั้งนี้ เราใช้เวลาในการตรวจสอบอยู่ระยะหนึ่ง เพราะกลุ่มนี้ได้ทำการเป็นขบวนการ หากตรวจเพียงชั้นเดียวก็จะไม่พบการกระทำความผิด ซึ่งทางกรมสรรพากรได้มีการดำเนินทางแพ่ง เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมสรรพากร ในการติดตาม เอาตัวเงินภาษีดังกล่าวกลับมาจากการประเมินภาษีทางแพ่ง

ส่วนขั้นตอนการดำเนินคดีทางอาญา เราได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับทางตำรวจ บก.ปอศ. เพื่อนำไปสู่การเข้าค้นและจับกุมในครั้งนี้ ซึ่งในคดีนี้มีความผิดเป็นกรรม และทราบว่าศาลไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหา ซึ่งหลังจากนี้ทางกรมสรรพากรจะไปขยายผลถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตามเอกสารพยานหลักฐานที่เรามี

ส่วนจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการสงสัยและการสืบสวนในคดีนี้ ระบุว่า ซึ่งในระบบการคืนภาษีของเราจะใช้ระบบ ai ในการคัดกรองกลุ่มที่มีความเสี่ยงขึ้นมาก่อนในการจับผิดพฤติกรรม ก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบในรายที่มีความผิดปกติ ซึ่งเราได้ทำการตรวจและประเมินทางแพ่งก่อนจะระงับการคืนภาษีทั้งหมด ส่วนรายละเอียดเกณฑ์ในการตรวจสอบไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นความลับ หากเปิดเผยไปเกรงว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้จะใช้ข้อมูลดังกล่าวในการกระทำความผิด

ส่วนเรื่องทรัพย์สิน ระบุว่าเรามีกรรมการสืบทรัพย์ และติดตามทรัพย์ เบื้องต้นถ้าเป็นเงินสดเราสามารถยึดคืนมาได้แต่ถ้าหากเป็นที่ดิน จะต้องมีการขายทอดตลาดก่อน ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตาม แล้วขอข้อมูลกับทางตำรวจ ว่าทรัพย์สินที่ยึดมาได้มีการอยากย้ายทรัพย์สิน หรือถ่ายเททรัพย์สินไปที่ไหนหรือไม่ถ้าหากพบจะยึดคืนมา

ด้าน นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ยืนยันว่าเราเอาจริงเอาจังใน การทุจริตในระบบภาษีของกรมสรรพากรทั้งหมด หากพบความผิดจะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา เพื่อให้ระบบภาษีมีความเป็นธรรมและยุติธรรม เพราะการทุจริตภาษีเป็นการบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจ

Advertisement

แชร์
ปิดเกมคนโกงภาษีทลายเครือข่ายฉ้อโกงภาษี รัฐเสียหายกว่า 1,000 ล้าน