
บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางราคาทองคำในปี 2569 โดยประเมินว่าทองคำโลกมีโอกาสเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง จากแรงหนุนทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค พร้อมคาดการณ์ว่าราคาทองคำโลกอาจขยับขึ้นไปแตะระดับ 4,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศมีโอกาสปรับขึ้นสู่ช่วง 72,000–74,000 บาทต่อบาททองคำ ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทที่ระดับประมาณ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ภาพรวมดังกล่าวสะท้อนบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจโลกที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่เข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังคงเพิ่มการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในระยะถัดไป
นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด เปิดเผยว่า การประเมินแนวโน้มราคาทองคำในปี 2569 ยังคงเป็นทิศทางเชิงบวกอย่างชัดเจน และมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง โดยวางกรอบเป้าหมายราคาทองคำโลกไว้ที่ 4,750-4,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งหากคำนวณเป็นราคาทองคำในประเทศ จะอยู่ที่ราว 72,000-74,000 บาทต่อบาททองคำ ภายใต้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยน 32 บาทต่อดอลลาร์
ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน หากราคาทองคำโลกมีการพักตัว แต่ยังไม่หลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 3,450 ดอลลาร์ จะยังถือว่าเป็นเพียงการพักฐานเพื่อขึ้นต่อ โดยมองว่ามีจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจสองระดับ ได้แก่ โซนพักตัวระยะสั้นบริเวณ 4,050-3,990 ดอลลาร์ และโซนแนวรับลึกในกรณีที่ราคาปรับฐานแรงกว่าปกติที่ระดับ 3,885-3,750 ดอลลาร์ ซึ่งยังคงสอดคล้องกับภาพรวมขาขึ้นระยะยาว ทั้งนี้ ในกรณีเชิงบวกหรือ Bull Case ยังคงให้กรอบเป้าหมายการทำกำไรหลักไว้ที่ช่วง 4,750-4,900 ดอลลาร์
สำหรับราคาทองคำในประเทศ ยังคงมีช่องว่างให้ปรับตัวขึ้นได้อีกมาก โดยมีโอกาสขยับขึ้นไปแตะระดับ 72,000-74,000 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาทจะเป็นตัวแปรสำคัญ หากเงินบาทแข็งค่าไปอยู่ใกล้ระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ อาจทำให้ราคาทองคำไทยปรับขึ้นช้ากว่าทองคำโลก ในทางตรงกันข้าม หากเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ในช่วง 33-34 บาทต่อดอลลาร์ จะเพิ่มโอกาสให้ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นเหนือระดับ 75,000 บาทได้ไม่ยาก
นางสาวอารีรัตน์ ระบุว่า จังหวะที่ราคาทองคำไทยย่อตัวลงมาแถวโซน 61,500-60,500 บาท ถือเป็นโอกาสในการเข้าสะสมเพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนที่ถือครองทองคำอยู่ในระดับประมาณ 64,000 บาทต่อบาททองคำ ยังมี Upside ให้ลุ้นทำกำไรได้อีกราว 7,000-10,000 บาท หากราคาปรับขึ้นไปถึงเป้าหมายสูงสุดที่ประเมินไว้
ขณะเดียวกัน ปัจจัยหนุนสำคัญในปี 2569 ยังรวมถึงสัญญาณทางเทคนิคในกรอบระยะยาวที่เป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน และการเกิด Bullish Breakout หลายครั้ง ซึ่งทำให้การย่อตัวของราคาถูกมองเป็นเพียงการพักฐานเพื่อสะสมกำลัง นอกจากนี้ ทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่เข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงต่อเนื่องในช่วงปี 2568-2569 รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐจากแรงแทรกแซงทางการเมือง และความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนตัวประธาน Fed ล้วนเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อราคาทองคำ ขณะที่แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลกและกองทุน ETF ยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังร้อนแรง โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างจีนและญี่ปุ่น ซึ่งยังคงเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาว