Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปิดแนวทางลดความตึงไทย-กัมพูชา เริ่ม 12.00 น. ย้ำเพื่อเปิดทางสันติภาพ
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เปิดแนวทางลดความตึงไทย-กัมพูชา เริ่ม 12.00 น. ย้ำเพื่อเปิดทางสันติภาพ

27 ธ.ค. 68
13:53 น.
แชร์

27 ธันวาคม 2568 พณฯ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลอากาศเอก ประภาส สอนใจดี ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แถลงการณ์สรุปข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา จากผลการประชุม GBC ครั้งที่ 3 เปิดข้อตกลง 3 ข้อ และให้ความมั่นใจประชาชนถึงความตั้งใจในการแก้ปัญหา

ในช่วงต้นของแถลงการณ์ ณัฐพลกล่าวว่า การปะทะที่เกิดขึ้นเกิดจากฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธ อันเป็นผลให้กำลังฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต กองทัพไทยจึงได้ตอบโต้ตามหลักการทางทหารสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ และเน้นย้ำว่า การตอบโต้วางอยู่บนหลัก 2 ข้อคือ การปกป้องความปลอดภัยของประชาชนไทย และการปกป้องเกียรติของชาติ

อย่างไรก็ตาม ณัฐพลสรุปแนวทางการหยุดยิง 3 ข้อคือ

  1. ประกาศและพูดคุยอย่างจริงใจ จึงมีการประชุม GBC ครั้งนี้
  2. หยุดยิงจริง ต่อเนื่อง เริ่ม 12.00 น. วันนี้
  3. สองฝ่ายยังคงกำลังทหารในพื้นที่ปัจจุบัน ไม่เคลื่อนย้าย ไม่ยั่วยุซ้ำ และสังเกตการณ์ 72 ชั่วโมง และปล่อยตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 นายเมื่อสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์

“การเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของทหารไทยหลายนายจะต้องไม่สูญเปล่า แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยระดับยุทธศาสตร์ด้านอื่น ๆ อาทิ ด้านเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ และความชอบธรรมของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ” ณัฐพลกล่าว

ประเด็นอื่น ๆ จากแถลงการณ์

มาตรการลดความตึงเครียด

  • หยุดยิงทันที 12.00 น. วันนี้ (27 ธันวาคม 2568) ครอบคลุมอาวุธทุกชนิด รวมทั้งการโจมตีพลเรือน โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน และเป้าหมายทางทหารทั้ง 2 ฝ่าย ทุกกรณี ทุกพื้นที่
  • สองฝ่ายเห็นชอบการวางกำลังในพื้นที่ปัจจุบัน ไม่มีการเคลื่อนย้ายที่ตั้งเพิ่มเติม รวมถึงการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งฝ่ายตรงข้าม
  • ข้อตกลงหยุดยิงไม่ส่งผลกระทบต่อการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ โดยจะเสนอต่อคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมเพื่อกลับมาสำรวจ เพื่อสันติภาพตลอดชายแดน
  • ให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ชายแดนกลับที่อยู่อาศัยและดำรงชีวิตตามปกติได้
  • ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบไม่เพิ่มกำลังตลอดแนวชายแดน เพราะจะเพิ่มความตึงเครียด
  • ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมให้ละเว้นจากการยั่วยุใด ๆ ที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
  • ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบละเว้นการใช้กำลังทุกประเภทต่อพลเรือนและเป้าหมายพลเรือน
  • ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันงดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอมเพื่อลดความตึงเครียด
  • ทั้งสองฝ่ายย้ำพันธกรณีของตนภายใต้อนุสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ สะสม ผลิต โอน และทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล จะปฏิบัติงานผ่านคณะทำงานประสานงานร่วม (JCTF)
  • ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และการค้ามนุษย์
  • ทหารกัมพูชา 18 คนจะถูกส่งตัวคืนกลับให้กัมพูชา ภายหลังการหยุดยิงคงอยู่ต่อเนื่อง 72 ชั่วโมง

กลไกดำเนินการลดความตึงเครียด

  • เพิ่มบทบาทคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ในระดับภูมิภาค
  • ใช้กลไกหน่วยงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา และกัมพูชา-ไทย ดูแลในระดับพื้นที่
  • ในระดับนโยบาย สองฝ่ายสื่อสารกันโดยตรงระหว่างกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์เร่งด่วนได้ทันที
  • คณะ JCTF จะแจ้งหน่วยงานท้องถิ่นของทั้งฝ่ายตน รวมทั้งคณะทำงานอีกฝ่ายเพื่ออำนวยความสะดวกในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแผนการที่ได้ตกลงกัน ป้องกันอุปสรรคและการเข้าใจผิด
  • คณะทำงานรักษาการสื่อสารโดยตรง ป้องกันข้อมูลบิดเบือน ข้อมูลเท็จ

ตอบคำถามคาใจประชาชน-สื่อมวลชน

หยุดยิงเพื่อเปิดทางการแก้ปัญหาอย่างสันติ

ณัฐพลเน้นย้ำต่อประชาชนและสื่อมวลชนว่า การหยุดยิงไม่ใช่การถอยแต่คือการเปิดทางให้มีการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีด้วยวิธีการทางการทูต และกองทัพจะติดตามการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด

ลดข่าวยั่วยุ ปัญหาสันติภาพระยะยาว สื่อสารทั่วโลก พลอากาศเอก ประภาส เน้นย้ำการลดการยั่วยุในเวทีข่าวสาร หนึ่งในหลักการสำคัญในแถลงการณ์ร่วมครั้งนี้

“ในแถลงการณ์ร่วมจะมีประเด็นหนึ่งที่พยายามลดการยั่วยุซึ่งอาจเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งศูนย์ประสานข่าวร่วมฯ จะประสานงานใกล้ชิดกับฝั่งกัมพูชาผ่านสถานทูต ผ่านทางผู้ช่วยทูตทหาร หากมีประเด็นใดที่จะขยายผลความขัดแย้งเราก็จะพบปะและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน” ประภาสกล่าว

“ประเทศเราเป็นประเทศประชาธิปไตย แน่นอนว่าอาจมีความเห็นหลากหลาย เข้าใจถึงความห่วงใย แต่ถ้ามีประเด็นใดที่ส่งออกไปแล้วส่งผลต่อความขัดแย้งก็จะประสานและให้ข้อมูล ทางฝ่ายกัมพูชาก็เช่นกัน” ประภาสกล่าวเสริม

ประภาสกล่าวอีกว่า แถลงการณ์ร่วมฝ่ายไทยจะแปลเป็น 16 ภาษาทั่วโลกส่งไปสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อแสดงจุดยืนและความตั้งใจในการสร้างสันติภาพของไทย

หากไม่หยุดยิงจะเกิดอะไรขึ้น?

ผู้อำนวยการศูนย์กล่าวว่า เวลา 72 ชั่วโมงนี้เป็นช่วงเวลาสังเกตการณ์ และหากฝ่ายกัมพูชาไม่ดำเนินการตามที่ตกลง ตามแถลงร่วมมีกลไกพูดคุยผ่าน AOT และการต่อสายตรงระหว่าง รมว.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารก่อน แต่หากสถานการณ์ไม่สงบ ฝ่ายไทยจะกลับมาใช้มาตรการทางทหารแบบเดิมในการป้องกันตนเอง

“มีคำถามที่ว่าถ้าเกิดการละเมิดข้อตกลงหลังวันลงนามไทยจะทำอย่างไร? เราจะใช้ข้อมูล ข้อเท็จจริง หลักฐานทั้งหมดที่ตรวจสอบได้เป็นฐานในการดำเนินการในระดับทวิภาคีและต่อประชาคมโลก ในขณะเดียวกันกองทัพไทยก็มีหน้าที่และสิทธิในการป้องกันตนเองเพื่อคุ้มครองอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ” ประภาสกล่าว โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดแนวทางการป้องกันตนเองของกองทัพ

พลัดถิ่น-อพยพกลับได้เลย ดูการประเมินของท้องถิ่น

ประภาสกล่าวตอบคำถามสื่อประเด็นการเดินทางกลับบ้านของผู้พลัดถิ่นจากความขัดแย้งว่า ขึ้นอยู่กับการประเมินของท้องถิ่น และสามารถเริ่มได้เลยตั้งแต่ตอนนี้ ยืนยันว่าสามารถเดินทางกลับได้โดยกองทัพจะพยายามทุกวิถีทางในการบรรเทาความทุกข์ยากของผู้พลัดถิ่นจากสงคราม พร้อมทั้งเน้นย้ำว่ากองทัพให้ความสำคัญกับหลักการด้านมนุษยธรรม และคำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นหลัก

นอกจากนี้แถลงการณ์ยังพูดถึงประเด็นอื่น ๆ อาทิ การรับฟังทุกความเห็นทั้งจากพีน้องประชาชนและนานาชาติ การให้ความสำคัญต่อมาตราการเยียวยาต่าง ๆ และให้ความมั่นใจนักท่องเที่ยวนานาชาติว่า สามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งชายแดน ทั้งยังย้ำว่า ประเทศไทยไม่ได้เลือกระหว่างการเจรจาหรือการใช้กำลังทหาร แต่เราดำเนินการทั้งสองแบบควบคู่กันไป เพื่อให้ชาติยืนอยู่บนความชอบธรรม ความมั่นคง และศักดิ์ศรีในระยะยาว

“สงครามและความขัดแย้งไม่ได้ทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีความสุข ย้ำอีกทีว่า ประชาชนคนไทยและคนกัมพูชาเราไม่ได้มีความขัดแย้งกัน มันเกิดจากการตัดสินใจในระดับผู้บริหาร” ประภาสเน้นย้ำ



แชร์
เปิดแนวทางลดความตึงไทย-กัมพูชา เริ่ม 12.00 น. ย้ำเพื่อเปิดทางสันติภาพ