Logo site Amarintv 34HD
Logo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
แบงก์สหรัฐ-ยุโรปชี้ปี69 ทองพุ่งอีก สูงสุด 5,000 ดอลล์ ดอกเบี้ยขาลงหนุน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

แบงก์สหรัฐ-ยุโรปชี้ปี69 ทองพุ่งอีก สูงสุด 5,000 ดอลล์ ดอกเบี้ยขาลงหนุน

27 พ.ย. 68
12:34 น.
แชร์

ราคาทองคำกำลังกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาดการเงินโลกอีกครั้ง หลังนักวิเคราะห์ชั้นนำในวอลล์สตรีทประเมินตรงกันว่า โลหะมีค่าชนิดนี้มีโอกาสปรับขึ้นได้อีกมากในช่วงปีหน้า ท่ามกลางกระแสเงินลงทุนที่ยังไหลเข้าต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ขณะที่ความเสี่ยงเชิงเศรษฐกิจและการเมืองโลกยังไม่คลี่คลายลง

ในปีนี้ ทองคำถือว่าทำผลงานได้โดดเด่นมากที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายทศวรรษ โดยราคาปรับขึ้นแล้วกว่า 57% จากต้นปี ล่าสุดเคลื่อนไหวแถวระดับประมาณ 4,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แรงหนุนมาจากปัจจัยบวกหลายด้านพร้อมกัน ตั้งแต่เงินเฟ้อที่ยังฝังแน่น ความกังวลต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษี ไปจนถึงบทบาทของทองคำในฐานะที่หลบภัยของเงินทุนในช่วงที่ตลาดผันผวน

วอลล์สตรีทคาดแรงส่งยาวถึงปี 2569

นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่ากระแสราคาขาขึ้นอาจลากยาวไปถึงปี 2569 และอาจเห็นการปรับขึ้นอีกในระดับสองหลัก ธนาคารแห่งอเมริกาเป็นหนึ่งในสถาบันที่ให้มุมมองเชิงบวกมากที่สุด โดยคาดว่าราคาทองคำอาจไต่ไปถึงระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีหน้า ซึ่งคิดเป็นการปรับขึ้นราว 19% จากระดับปัจจุบัน ธนาคารระบุว่าแรงหนุนหลักยังคงอยู่ครบ ทั้งการใช้จ่ายภาครัฐของสหรัฐที่เร่งตัวขึ้นภายใต้ภาวะขาดดุลงบประมาณ และทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ถูกมองว่า “แหวกแนว” และสร้างความไม่แน่นอนต่อระบบเศรษฐกิจโลก

จากการศึกษาประวัติศาสตร์ตลาดขาขึ้นของทองคำตั้งแต่ปี 2513 ธนาคารแห่งอเมริกาชี้ว่าราคาทองจะหยุดปรับขึ้นก็ต่อเมื่อปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในเวลานี้ “หลายปัจจัยยังไม่ได้เปลี่ยน” พร้อมระบุว่า แม้ทองคำเพิ่งเผชิญการปรับฐานระยะสั้น แต่ในภาพระยะยาว โลหะมีค่านี้ยังถือว่า “มีการลงทุนต่ำกว่าศักยภาพ” เมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่นักลงทุนเผชิญในระบบการเงินโลก

นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ ยังให้มุมมองในทิศทางเดียวกัน โดยคาดว่าราคาทองอาจขึ้นไปถึง 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปีหน้า เพิ่มขึ้นราว 17% จากระดับปัจจุบัน 

ดาน สตรูเวน หัวหน้าร่วมฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์โลกของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า แรงหนุนหลักยังมาจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางซึ่งต้องการกระจายความเสี่ยง หลังเห็นตัวอย่างการอายัดเงินทุนสำรองของรัสเซียภายหลังการรุกรานยูเครนในปี 2565 ทำให้หลายประเทศหันมาถือครองทองคำในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัยแท้จริง” ที่เก็บรักษาไว้ในประเทศของตนเองได้โดยไม่พึ่งระบบการเงินของต่างชาติ

อีกปัจจัยสำคัญคือทิศทางดอกเบี้ย โดยสตรูเวนคาดว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมราว 75 เบสิกพอยต์ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกผลอย่างทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้น ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางทั่วโลกก็มีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินเช่นกัน 

การลดดอกเบี้ยจะกระตุ้นความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และทำให้นักลงทุนหันมาถือทองคำเพื่อป้องกันความเสื่อมค่าของเงินสกุลกระดาษมากขึ้น พร้อมกันนี้ นักลงทุนเอกชนยังถูกคาดว่าจะเข้ามาหนุนราคา ผ่านแนวคิด “debasement trade” ที่มองว่าสินทรัพย์อิงดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเมื่อเกิดภาวะเงินตราเสื่อมค่าในหลายประเทศ

ยุโรปชี้โอกาสสูง แต่เตือนความเสี่ยงขาลง

ในฝั่งยุโรป ดอยช์แบงก์ประเมินว่า ราคาทองคำอาจขยับขึ้นได้สูงสุดถึง 4,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2569 โดยตั้งเป้าหมายหลักไว้ที่ประมาณ 4,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยระดับบนสุดของกรอบดังกล่าวสูงกว่าราคาปัจจุบันของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ COMEX เดือนธันวาคม 2569 อยู่ราว 14%

แม้ในช่วงหลังราคาทองจะมีการย่อตัวลงบ้าง แต่ดอยช์แบงก์มองว่ากระแสเงินลงทุนของนักลงทุนเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันความต้องการซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนแรงสนับสนุนเชิงโครงสร้างที่ยังหนุนทิศทางราคาอย่างต่อเนื่อง 

ดอยช์แบงก์ระบุว่า ตลาดทองคำกำลังเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า “โครงสร้างเชิงบวก” โดยแรงซื้อจากธนาคารกลางและเงินทุนจากกองทุน ETF ทองคำ กำลังดูดซับอุปทานส่วนสำคัญของตลาด ส่งผลให้ปริมาณทองคำที่เหลือสำหรับภาคเครื่องประดับลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์รวมในตลาดโลกยังคงสูงกว่าอุปทานที่ผลิตได้

ธนาคารยังคาดว่ากระแสเงินไหลเข้า ETF จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงราคาทองคำในปีหน้า โดยประเมินว่าแนวรับใกล้ 3,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์มีโอกาสสูงที่จะยังคงอยู่ได้ ปัจจัยดังกล่าวถูกมองว่าจะช่วยลดความเสี่ยงด้านขาลงของราคา แม้ภาวะตลาดการเงินโลกยังคงผันผวน

ดอยช์แบงก์ยังคงประมาณการราคาทองคำปี 2570 ไว้ที่ระดับ 5,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยระบุว่าประมาณการนี้สะท้อนความไม่แน่นอนระหว่างกรณีเศรษฐกิจดำเนินไปตามปกติ กับสถานการณ์ที่หน่วยงานภาครัฐยังคงเข้าซื้อทองคำในระดับสูง นอกจากนี้ ธนาคารยังเตือนถึงความเสี่ยงหลัก ได้แก่ ความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างทองคำกับสินทรัพย์เสี่ยง ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะผ่อนคลายนโยบายการเงินน้อยกว่าที่ตลาดคาดในปี 2569 และโอกาสที่ผู้บริหารเงินสำรองระหว่างประเทศอาจชะลอการซื้อทองคำ

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ของดอยช์แบงก์เตือนว่าราคาทองยังเผชิญความเสี่ยง หากตลาดหุ้นเกิดการปรับฐานรุนแรงกว่าที่คาด เฟดลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ตลาดประเมิน หรือสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์เริ่มคลี่คลายลง

ด้าน HSBC มีมุมมองระมัดระวังกว่า โดยคาดว่าราคาทองคำในปี 2569 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 3,600-4,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากขึ้นไปถึงระดับบนสุด จะเท่ากับมีอัพไซด์ราว 5% 

นักวิเคราะห์ของธนาคารระบุว่า โลกกำลังเผชิญ “การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างขนาดใหญ่” ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก ชาตินิยมที่รุนแรงขึ้น นโยบายภาษี การเมืองที่ผันผวน และคำถามต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ทองคำยังคงบทบาทสินทรัพย์ปลอดภัยต่อไป 

อย่างไรก็ตาม ในครึ่งหลังของปี HSBC มองว่าราคาทองอาจเริ่มอ่อนแรง หากอุปทานทองเพิ่มขึ้น ความต้องการทองคำจริงชะลอลง และธนาคารกลางเริ่มลดความเร็วในการเข้าซื้อเมื่อราคายืนเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์


แชร์
แบงก์สหรัฐ-ยุโรปชี้ปี69 ทองพุ่งอีก สูงสุด 5,000 ดอลล์ ดอกเบี้ยขาลงหนุน