Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทองทำนิวไฮรอบที่50ของปี ทะลุ4,486ดอลล์/ออนซ์ กูรูคาดปี69แตะ4,900ดอลล์
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทองทำนิวไฮรอบที่50ของปี ทะลุ4,486ดอลล์/ออนซ์ กูรูคาดปี69แตะ4,900ดอลล์

23 ธ.ค. 68
12:40 น.
แชร์

ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในคืนวันที่ 22 ธันวาคม ท่ามกลางการประเมินความเสี่ยงรอบด้านของนักลงทุน ทั้งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรง และแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่ยังเปิดทางให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้า การขึ้นทำจุดสูงสุดครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 50 ภายในปีเดียว สะท้อนแรงซื้อในตลาดโลหะมีค่าที่ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

บรรยากาศการลงทุนในทองคำได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่ระดับหนี้สาธารณะที่เร่งตัวสูงขึ้น ท่าทีเชิงรุกด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ไปจนถึงความผันผวนในตลาดการเงินโลก ขณะที่นักลงทุนจำนวนไม่น้อยยังมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ และค่าเงินมีความเสี่ยงอ่อนค่าลงในระยะยาว

ด้านราคาทองคำในประเทศ ณ เวลา 10:48 น. มีการปรับราคาแล้วรวม 6 ครั้ง โดยทองคำแท่งรับซื้อที่ระดับ 65,950 บาทต่อบาททองคำ และขายออกที่ 66,050 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่ทองรูปพรรณรับซื้อที่ 64,627.08 บาทต่อบาททองคำ และขายออกที่ 66,850 บาทต่อบาททองคำ ส่วนราคาทองคำในตลาดสปอตอยู่ที่ 4,485 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

แรงหนุนจากดอกเบี้ยขาลงและสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ในวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำแท่งปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4,465 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก หลังจากเพิ่มขึ้นถึง 2.4% ในวันก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นรายวันที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน กระแสคาดการณ์ในตลาดสะท้อนความเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดต้นทุนการกู้ยืมอีกครั้งในปีหน้า ส่งผลให้สภาพแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยต่ำยังคงอยู่ และเอื้อต่อสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยอย่างทองคำ

บทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์หลบภัยยิ่งโดดเด่นขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูง โดยเฉพาะสถานการณ์ในเวเนซุเอลา หลังสหรัฐฯ ดำเนินมาตรการสกัดกั้นเรือบรรทุกน้ำมัน เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลของประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ปัจจัยดังกล่าวยิ่งตอกย้ำความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพทางการเมืองและพลังงานโลก และกระตุ้นให้เงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดทองคำอย่างต่อเนื่อง

กระแสเงินลงทุนและมุมมองระยะยาวยังเป็นบวก

ตั้งแต่ต้นปี ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วราว 70% จากแรงซื้อที่ร้อนแรง โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการซื้อสะสมของธนาคารกลางทั่วโลก ควบคู่กับกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ที่อ้างอิงทองคำ ข้อมูลจากสภาทองคำโลกระบุว่า ปริมาณการถือครองทองคำในกองทุน ETF เพิ่มขึ้นทุกเดือนของปีนี้ ยกเว้นเพียงเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ทองคำกำลังมุ่งสู่การทำผลงานรายปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2522

นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวเชิงรุกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการปรับโครงสร้างการค้าโลก รวมถึงท่าทีที่ถูกมองว่าเป็นการกดดันต่อความเป็นอิสระของเฟด ยังเป็นอีกปัจจัยที่เติมเชื้อให้กับตลาดทองคำตั้งแต่ช่วงต้นปี นักลงทุนจำนวนมากเข้ามามีบทบาทอย่างมาก โดยได้รับแรงกระตุ้นจากสิ่งที่เรียกว่า “debasement trade” หรือการลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลและสกุลเงินหลัก จากความกังวลว่ามูลค่าทางการเงินจะถูกบั่นทอนในระยะยาวจากระดับหนี้ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

แม้ราคาทองคำจะเคยอ่อนตัวลงจากจุดสูงสุดก่อนหน้าในเดือนตุลาคม ท่ามกลางความเห็นว่าตลาดเริ่มมีความหนาแน่นและร้อนแรงเกินไป แต่การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วสะท้อนว่ากระแสขาขึ้นยังคงแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มต่อเนื่องไปถึงปีหน้า สถาบันการเงินหลายแห่ง รวมถึงโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป ประเมินว่าราคาทองคำจะยังปรับเพิ่มขึ้นในปี 2569 โดยให้กรณีฐานที่ระดับราว 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมความเสี่ยงด้านบวกเพิ่มเติม

ในการซื้อขายล่าสุด ราคาทองคำตลาดจรปรับเพิ่มขึ้น 0.5% มาอยู่ที่ 4,467.57 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 08.20 น. ตามเวลาสิงคโปร์ ขณะที่ราคาเงินขยับขึ้น 0.1% สู่ระดับ 69.09 ดอลลาร์ ใกล้กับสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของวันก่อนหน้า ส่วนแพลทินัมและแพลเลเดียมปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางโลหะมีค่า ขณะที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐของบลูมเบิร์กอ่อนค่าลงเล็กน้อย 0.1%

Goldman Sachs ชี้แรงซื้อธนาคารกลาง-ดอกเบี้ยขาลง ดันทองคำพุ่งสู่ 4,900 ดอลลาร์

ในวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา Goldman Sachs ได้ส่งสัญญาณสำคัญต่อตลาดการเงินโลก หลังปรับเป้าหมายราคาทองคำขึ้นสู่ระดับประมาณ 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2569 ต่อเนื่องจากการปรับตัวขึ้นที่ถือว่าเป็นหนึ่งในรอบขาขึ้นครั้งสำคัญที่สุดของตลาดทองคำในประวัติศาสตร์

เมื่อเทียบกับราคาทองคำในตลาดสปอตซึ่งซื้อขายอยู่ที่ 4,323.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลาประมาณ 03.00 น. ตามเวลา EST ของวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม เป้าหมายดังกล่าวสะท้อนอัพไซด์ราว 13% โดย Goldman ระบุว่าแรงหนุนหลักของราคาทองคำในรอบนี้ไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยเฉพาะหน้า แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและระบบการเงินโลก

Goldman ชี้ว่า ธนาคารกลางทั่วโลกไม่ได้เพียงเข้าซื้อทองคำในลักษณะ “ทดลอง” หรือเป็นทางเลือกชั่วคราวอีกต่อไป แต่ได้ยกระดับบทบาทของทองคำให้เป็นองค์ประกอบสำคัญของการบริหารทุนสำรองระยะยาว ขณะเดียวกัน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงยังคงส่งผลต่อพฤติกรรมของนักลงทุน โดยเฉพาะต่อการประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

ธนาคารระบุว่า การปรับขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาอาจไม่ใช่ปฏิกิริยาระยะสั้นต่อความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความผันผวนในตลาดการเงินเท่านั้น แต่สะท้อนถึงการปรับตำแหน่งเงินลงทุนในระยะยาว ว่าทุนกำลังถูกจัดสรรใหม่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ความเสี่ยงด้านนโยบาย ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และเงื่อนไขด้านสภาพคล่องกำลังเปลี่ยนไป

นอกจากนี้ Goldman ยังระบุว่า แม้ทองคำจะเป็นศูนย์กลางความสนใจของตลาดในปัจจุบัน แต่มุมมองของธนาคารต่อทองแดงก็มีความสำคัญในเชิงโครงสร้างเช่นกัน เนื่องจากไม่ได้เป็นเพียงประเด็นของโลหะมีค่าหรือโลหะอุตสาหกรรม หากแต่เป็นสัญญาณที่สะท้อนทิศทางของอุปสงค์ ความเสี่ยง และนโยบายเศรษฐกิจโลกในระยะถัดไป

ในด้านอุปสงค์ Goldman มองว่า ธนาคารกลางได้กลายเป็นแหล่งความต้องการทองคำที่สำคัญและมีเสถียรภาพ โดยไม่ได้เข้าซื้อเฉพาะในช่วงวิกฤตเหมือนในอดีต แต่สะสมทองคำอย่างต่อเนื่องและมีแบบแผน ในฐานะส่วนหนึ่งของกลยุทธ์บริหารทุนสำรองระยะยาวที่มีความชัดเจน

ข้อมูลจาก สภาทองคำโลก (World Gold Council) ระบุว่า ในไตรมาสแรกของปี 2568 ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำสุทธิ 244 ตัน แม้การซื้อจะชะลอลงในไตรมาสที่สองที่ 166 ตัน แต่กลับมาเร่งตัวอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสที่สามที่ 220 ตัน ขณะที่เฉพาะเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียว มีการซื้อทองคำสุทธิถึง 53 ตัน สะท้อนแรงซื้อจากภาครัฐที่ยังคงดำเนินต่อไป

ขณะเดียวกัน ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลงกำลังเปลี่ยนมุมมองของนักลงทุนต่อข้อจำกัดสำคัญของทองคำ เนื่องจากทองคำไม่สร้างรายได้และมักเสียเปรียบในช่วงที่อัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับลดลง ต้นทุนค่าเสียโอกาสของการถือครองทองคำจะลดลง ทำให้การไม่มีผลตอบแทนของทองคำเป็นประเด็นที่ยอมรับได้มากขึ้น ควบคู่กับบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์รักษามูลค่า

ในฝั่งนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 โดยลดกรอบเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 3.50-3.75% และมีกำหนดการประชุมคณะกรรมการ FOMC ครั้งถัดไปในวันที่ 27-28 มกราคม 2569 ขณะเดียวกัน สำนักข่าว Reuters รายงานว่า วาระการดำรงตำแหน่งของ เจอโรม พาวเวลล์ ในฐานะประธานธนาคารกลางสหรัฐจะสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2569 และคาดว่าทำเนียบขาวจะเสนอชื่อผู้สืบตำแหน่งในช่วงต้นปี 2569 โดยตลาดประเมินว่าผู้นำ Fed คนใหม่มีแนวโน้มจะดำเนินนโยบายที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้น

ทั้งนี้ มุมมองเชิงบวกต่อทองคำไม่ได้จำกัดอยู่เพียง Goldman Sachs เท่านั้น ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งได้ปรับเพิ่มกรอบคาดการณ์ราคาทองคำ โดย J.P. Morgan คาดว่าราคาทองคำจะเฉลี่ยใกล้ระดับ 5,055 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาส 4 ปี 2569 จากแรงซื้อที่แข็งแกร่งของธนาคารกลางและอุปสงค์จากนักลงทุน ขณะที่ Bank of America ปรับคาดการณ์ปี 2569 ขึ้นเป็น 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมเตือนว่าการปรับขึ้นอย่างร้อนแรงในปี 2568 อาจยังนำไปสู่การย่อตัวในระยะสั้น

ด้าน Morgan Stanley Research ปรับเป้าหมายราคาทองคำปี 2569 ขึ้นเป็น 4,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สะท้อนแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี ขณะที่ Deutsche Bank มองราคาเฉลี่ยทองคำในปี 2569 ที่ประมาณ 4,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวไว้ระหว่าง 3,950-4,950 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับทิศทางนโยบายและกระแสเงินทุนในระบบการเงินโลก


แชร์
ทองทำนิวไฮรอบที่50ของปี ทะลุ4,486ดอลล์/ออนซ์ กูรูคาดปี69แตะ4,900ดอลล์