Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
โค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษีปี 2568  ลงทุนอย่างไรให้ถูกต้องและคุ้มค่า
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

โค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษีปี 2568 ลงทุนอย่างไรให้ถูกต้องและคุ้มค่า

13 ธ.ค. 68
13:43 น.
แชร์

ช่วงโค้งสุดท้ายของปี คือ เวลาที่หลายคนเริ่มมองหากองทุนลดหย่อนภาษี แต่ในช่วงที่เหลือของปี 2568 สิ่งที่นักลงทุนต้องรู้ คือ เราสามารถซื้อได้เพียงสองประเภทเท่านั้น คือ RMF และ Thai ESG เนื่องจาก Thai ESG Extra เปิดให้ลงทุนเพียง 2 เดือนเท่านั้น (ช่วง พ.ค.-มิ.ย. 2568) และ SSF ไม่มีสิทธิ์ซื้อใหม่อีกต่อไป เหลือแค่การสับเปลี่ยน กองเดิมเท่านั้น

ทั้งนี้วงเงินลดหย่อน RMF ลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท รวมกับกลุ่มกองทุนเพื่อเกษียณอื่น ในขณะที่ Thai ESG ลงทุนได้ไม่เกิน 30% เช่นกัน แต่จำกัดไว้ที่ไม่เกิน 300,000 บาท และที่สำคัญ คือ RMF และ Thai ESG แยกคนละลงเงินลดหย่อนกัน ซึ่งสามารถใช้ได้เต็มสิทธิ์ทั้งสองส่วน

โดยมุมมองการลงทุน ช่วงนี้ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เหมาะกับการลงทุนมากขึ้น หลังตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับฐานราว 5–10% ในหลายประเทศจากแรงกดดันด้านมูลค่าและปัจจัยมหภาคระยะสั้น ซึ่งเราประเมินว่าเป็นเพียง Healthy Correction เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานระยะกลางถึงยาวยังแข็งแกร่ง ทั้งจากวัฏจักรนโยบายการเงินที่กำลังก้าวเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่อยู่ในภาวะเสี่ยงถดถอย และแนวโน้มกำไรของบริษัทชั้นนำยังเดินหน้าขยายตัว โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้แรงหนุนจากเมกะเทรนด์ AI ทำให้เป็นโอกาสที่ดีในการกลับมาทยอยลงทุนสะสมผ่านกองทุนลดหย่อนภาษีส่งท้ายปี

สิ่งสำคัญในการเลือกกองทุนลดหย่อนภาษี นอกจากเป้าหมายการลงทุนแล้ว คือความเสี่ยงของนักลงทุนที่ยอมรับได้ เราจึงแบ่งกองทุนตามระดับความเสี่ยง เพื่อให้เลือกได้ตรงกับสไตล์ แบ่งออกเป็นความเสี่ยงต่ำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคง เน้นลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก กองทุนแนะนำ KKP MMRMF และ KKP INRMF สำหรับ RMF รวมถึง K-ESGSI-ThaiESG ในกลุ่ม Thai ESG

ส่วน ความเสี่ยงกลาง เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการการเติบโตแบบสม่ำเสมอ และกระจายการลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ กองทุนแนะนำ UGISRMF และ BCAP-2040 RMF และในฝั่ง Thai ESG แนะนำเป็นกองทุน SCBTM ที่ผสมหุ้น และตราสารหนี้ไทย

ขณะที่นักลงทุนที่ต้องการโอกาสเติบโตสูงในระยะยาวสามารถเลือกกลุ่ม ความเสี่ยงสูง ซึ่งตอบโจทย์ด้วยธีมหุ้นคุณภาพ เทคโนโลยี และทองคำ กองทุนแนะนำ ES-GQQRMF, KKP TECH RMF-H, SCBGOLDRMF และ B-TOP-THAIESG ในฝั่ง Thai ESG ที่เน้นหุ้นไทยคุณภาพดี

อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ คือ การแจ้งใช้สิทธิ์ยกเว้นภาษีเงินได้ (Tax Consent) ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำคัญ หากซื้อกองทุนกับบลจ.เดิมที่เคยยื่นไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม แต่ถ้าจะซื้อกองของบลจ.ใหม่ ต้องยื่น Tax Consent ก่อนทุกครั้ง เพื่อแจ้งสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี นอกจากนี้ต้องระวังเรื่องวันที่ซื้อ ควรซื้อก่อนวันที่ 30 ธันวาคม 68 โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศที่มักติดวันหยุดในสัปดาห์สุดท้ายของปี ซึ่งอาจทำให้คำสั่งซื้อไม่ทันรอบ การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือซื้อให้เร็วขึ้น หรือใช้วิธีซื้อกองทุนภาษีในกลุ่มตลาดเงินไว้ก่อน แล้วค่อยสับเปลี่ยนไปยังกองทุนที่ต้องการภายหลัง เพื่อลดความเสี่ยงคำสั่งไม่ทันรอบ

สุดท้าย กลยุทธ์ที่แนะนำสำหรับปีนี้คือเลือกใช้ RMF เพื่อเปิดโอกาสลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี–AI ที่ยังมีโอกาสเติบโตสูงในวัฏจักรถัดไป ส่วน Thai ESG ควรใช้เป็นการลงทุนในสินทรัพย์การลงทนุในไทย เพื่อกระจายการลงทุนและทำให้พอร์ตกองทุนภาษีโดยรวมมีความสมดุลมากขึ้น ทั้งหมดนี้คือการออกแบบให้การลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีไม่ใช่แค่ “ภารกิจปลายปี” แต่เป็นการวางแผนความมั่งคั่งระยะยาวที่ให้ประโยชน์สองต่อ ทั้งประหยัดภาษีวันนี้ และสร้างโอกาสผลตอบแทนให้อนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจลงทุนกองทุนกับหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถเปิดบัญชีกองทุนออนไลน์ได้ผ่านแอปพลิเคชัน Wealth Connex โดยสามารถซื้อขายได้กว่า 18 บลจ.ชั้นนำ ครอบคลุมสินทรัพย์ทั่วโลกทั้งในและต่างประเทศ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชัน Wealth Connex

แชร์
โค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษีปี 2568  ลงทุนอย่างไรให้ถูกต้องและคุ้มค่า