
ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2025 เกิดการกลับตัวดิ่งลงภายในวันเดียวอย่างรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน (ที่ดิ่งลงเพราะการประกาศอัตราภาษีศุลกากร) ดัชนีตลาดร่วงลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองเดือน ลดลงมากกว่า 5% จากสถิติสูงสุดในเดือนตุลาคม
ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 1.56% ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 2.15% รวมความเสียหาย มูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯหายไปมากกว่า 2.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
การดิ่งลงครั้งนี้ เกิดขึ้นในวันที่ผลการดำเนินงานของที่ดีเกินคาดเอ็นวิเดีย (Nvidia) ได้สร้างบรรยากาศเชิงบวกต่อตลาด ทำให้ตลาดเปิดบวกและหุ้นหลายตัวพุ่งขึ้น ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นสูงถึง 1.9% ในช่วงชั่วโมงแรกของการซื้อขาย แต่กลับสูญเสียกำไรทั้งหมดและพลิกเป็นขาดทุน
แม้กระทั่ง Nvidia เองที่เพิ่งมีข่าวดีก็ยังไม่รอด จบด้วยการปิดลบไป 3.15% มูลค่าหายไป 400,000 ล้านดอลลาร์จากจุดสูงสุดของวัน
เนื่องจากไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นการเทขายที่ชัดเจน บรรดาเทรดเดอร์ในตลาดต่างก็งุนงงและพยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยมีการชี้ไปที่ปัจจัยต่างๆ ดังนี้
ความกังวลเรื่อง AI: บางคนชี้ว่า ความกังวลว่าการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะสามารถสร้างรายได้หรือผลกำไรเพียงพอที่จะคุ้มค่ากับการใช้จ่ายจำนวนมหาศาลที่บริษัทต่างๆ ทุ่มลงไปในเทคโนโลยีนี้หรือไม่
รายงานการจ้างงาน: บางคนมองว่า รายงานการจ้างงานที่ล่าช้ามาก เป็นสัญญาณใหม่ล่าสุดที่บอกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม
บิตคอยน์ร่วง: บางคนบอกว่า สัญญาณความเสี่ยงจากการที่บิตคอยน์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหกเดือน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการเทขายในตลาดหุ้น
มูลค่าหุ้นที่สูงเกินไปและความผันผวน: บางคนบอกว่า ความกังวลเกี่ยวกับราคาหุ้นที่สูงเกินไปและความผันผวนที่เพิ่มขึ้นก่อนวันหมดอายุของสัญญา Options ในวันศุกร์ก็มีส่วน
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รวบรวมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญในตลาดเกี่ยวกับปัจจัยที่ตลาดดิ่งลง ดังนี้
เบรนต์ ชูตต์ (Brent Schutte) จากบริษัทจัดการความมั่งคั่ง Northwestern Mutual แสดงความเห็นว่า ตอนนี้มีคำถามมากมายเกี่ยวกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่ยังไม่มีคำตอบ ซึ่งนักลงทุนกำลังถกเถียงกันอยู่ว่าเกิดจากสาเหตุใด หุ้นของ Nvidia ไม่ใช่สาเหตุเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพิจารณาร่วมกับความวิตกของนักกลงทุนเกี่ยวกับตลาดแรงงาน ภาษีศุลกากร อัตราเงินเฟ้อและการตัดสินใจนโยบายการเงินของ Fed ความยั่งยืนของ AI ราคาหุ้น ความกังวลเกี่ยวกับสินเชื่อภาคเอกชน การร่วงลงของหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่ยังไม่มีกำไรและสินทรัพย์ดิจิทัล
แฟรงก์ มอนคัม (Frank Monkam) จาก หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และการเทรดแบบ crosss-asset ของ Buffalo Bayou Commodities วิเคราะห์ว่า เนื่องจากคริปโตเคอร์เรนซีที่กำลังเข้าสู่ตลาดหมี การลดภาระหนี้สินข้ามสินทรัพย์ (cross-asset deleveraging cascade) ยังไม่สิ้นสุด และเนื่องจากในตลาดคริปโตฯมีนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ซึ่งนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ซื้อที่ดันตลาดให้สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น ความเปราะบางของตลาดจึงชัดเจน
ซาเมียร์ ซามานา (Sameer Samana) หัวหน้าฝ่ายหุ้นและ real asset ของ Wells Fargo วิเคราะห์ว่า ผลการดำเนินงานของ Nvidia แม้จะออกมาเป็นบวก แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะปัดเป่าความสงสัยว่าราคาหุ้นพุ่งสูงเกินไปหรือไม่ และการที่ตลาดหันไปใช้การจัดหาเงินทุนโดยการกู้ยืมในช่วงที่ผ่านมาหมายความว่าระดับการลงทุนดุดันเกินไป โดยที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมากพอ
คริส เมอร์ฟี (Chris Murphy) หัวหน้าร่วมฝ่ายกลยุทธ์อนุพันธ์ของ Susquehanna International Group กล่าวว่า เมื่อผลประกอบการของ Nvidia ผ่านไปแล้ว และ Fed ก็ไม่น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม นักลงทุนจึงอยู่กับคำถามว่า แล้วยังเหลืออะไรที่จะขับเคลื่อนให้หุ้นพุ่งขึ้นได้หรือไม่ในช่วงสิ้นปี โพสินชันการลงทุนของ CTA หรือกองทุนที่ลงทุนตามเทรนด์ดัชนียังคงเปราะบาง เป็นซื้อสุทธิเพียงเล็กน้อย และหากดัชนีลดลงที่ลึกกว่านี้ อาจบังคับให้ CTA เทขายเพิ่มอีก
แมตต์ มาเลย์ (Matt Maley) หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตลาดจาก Miller Tabak + แสดงความเห็นว่า คำถามสำคัญที่นักลงทุนกำลังกังวลกัน คือ AI จะทำกำไรได้มากเท่าที่ตลาดกำลังตีราคาไว้หรือไม่ ? ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจำนวนหนึ่งจึงลดความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นที่เชื่อมโยงกับ AI ลง
เครก จอห์นสัน (Craig Johnson) หัวหน้าฝ่ายเทคนิคตลาดของ Piper Sandler กล่าวว่า นักลงทุนรู้สึกโล่งใจหลังจากผลประกอบการของ Nvidia ออกมา อย่างไรก็ตาม ยังต้องใช้เวลา กว่าที่ market breadth (การวัดจำนวนหุ้นที่ทำนิวไฮและนิวโลว) จะมีเสถียรภาพและเริ่มฟื้นตัว