Nvidia ผลงานดีเกินคาด ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก แต่ดอกเบี้ย Fed ยังกดดัน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯวันที่ 19 พฤศจิกายน 2025 กลับมาปิดในแดนบวกได้ ยุติการร่วงลงติดต่อกัน 4 วัน (14, 15, 17, 18 พฤศจิกายน) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกล่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวสูงขึ้น นำโดยหุ้นกูเกิล (Google) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% เนื่องจากการเปิดตัว Gemini 3 โมเดลปัญญาประดิษฐ์ตัวใหม่ล่าสุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถึงแม้มีการฟื้นตัว แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังเผชิญแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ย เพราะรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีท่าทีเข้มงวด และคณะกรรมการมีความเห็นไม่ตรงกันต่อการลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมและแนวโน้มเดือนธันวาคม โดยความเห็นกรรมการแตกเป็นสามกลุ่ม คือ กลุ่มต้องการลดเพื่อกันความเสี่ยงเศรษฐกิจอ่อนแรง กลุ่มที่กังวลเงินเฟ้อสูง และกลุ่มกลางที่ต้องการความระมัดระวัง
เลื่อนเผยแพร่รายงานการจ้างงาน กดดันตลาด
อีกปัจจัยกดดันตลาด คือ สำนักสถิติแรงงานของสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics: BLS) ประกาศว่าจะไม่เผยแพร่รายงานการจ้างงานประจำเดือนตุลาคม แต่จะนำตัวเลขไปรวมไว้ในรายงานเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 16 ธันวาคม หลังการประชุมครั้งสุดท้ายของธนาคารกลางสหรัฐฯในปีนี้
BLS ชี้แจงเหตุผลว่า ในระหว่างการชัตดาวน์ เจ้าหน้าที่ BLS ไม่ได้สำรวจข้อมูลประจำเดือนตุลาคมที่ใช้ในการคำนวณสถิติ ได้แก่ ข้อมูลการสำรวจครัวเรือน (household survey) ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการคำนวณสถิติหลักอย่างอัตราการว่างงาน และข้อมูลการสำรวจสถานประกอบการ (establishment survey) ซึ่งให้ข้อมูลตัวเลขการจ่ายเงินเดือน ในส่วนข้อมูลการสำรวจครัวเรือนนั้นยากที่จะดำเนินการย้อนหลัง
นอกจากนั้น BLS จะงดการเผยแพร่รายงานการสำรวจตำแหน่งงานว่างและการหมุนเวียนแรงงาน (JOLTS) ประจำเดือนกันยายนด้วย และจะเผยแพร่ข้อมูลนั้นพร้อมกับตัวเลขเดือนตุลาคมในวันที่ 9 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ Fed เริ่มการประชุม และ BLS ยังไม่ได้ประกาศการตัดสินใจว่าจะเผยแพร่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนตุลาคมเมื่อใด หรือจะเผยแพร่หรือไม่
นักลงทุนลดความหวัง Fed ลดดอกเบี้ย
การเลื่อนและยกเลิกข้อมูลเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของ Fed ซึ่งต้องพึ่งพาข้อมูลเหล่านี้ในการชี้นำการตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงิน ความล่าช้าของข้อมูลอย่างเป็นทางการมีแนวโน้มที่จะทำให้ Fed ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวทางนโยบายการเงินในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ ทันทีที่มีการรายงานข่าวเลื่อนประกาศข้อมูลดังกล่าวออกมา นักลงทุนจึงมองเห็นโอกาสน้อยลงที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ทำให้ดัชนีหุ้นหลักๆ ของตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงทันทีในการซื้อขายระหว่างวัน ก่อนที่จะกลับมาปิดบวกได้เล็กน้อยดังที่กล่าวข้างต้น
Nvidia ผลงานดีเกินคาด เพิ่มความเชื่อมั่น AI
หลังปิดตลาด มีการประกาศผลการดำเนินงานของเอ็นวิเดีย (Nvidia) ที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง ซึ่งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2025 ของ Nvidia ก็เป็นการให้ปัจจัยบวกแก่ตลาด เพราะทั้งรายได้และประมาณการผลประกอบการออกมาดีเกินคาด
Nvidia รายงานรายได้ 57,010 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 62% จากปีก่อนหน้า (YoY) และมากกว่าที่คาดไว้ 54,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำไรสุทธิ 31,910 ล้านดอลลาร์สหหรัฐ เติบโต 65% และกำไรต่อหุ้น (EPS) 1.30 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่คาดไว้ 1.25 ดอลาร์สหรัฐ
เครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนรายได้ของ Nvidia มาจากกลุ่มธุรกิจชิปและฮาร์ดแวร์สำหรับศูนย์ข้อมูล (data center ซึ่งใช้ในการพัฒนา AI) ที่กวาดรายได้ 51,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คาดการณ์ 49,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็น 90% ของรายได้ทั้งหมด ท่ามกลางความต้องการชิปรุ่นใหม่ ‘Blackwell’ ที่ซีอีโอเจนเซน หวง (Jensen Huang) บอกว่า ดีมานด์สูงเกินคาดจนผลิตไม่ทัน
นอกจากนั้น Nvidia ประเมินแนวโน้มไตรมาสที่ 4 ว่าจะทำรายได้แตะ 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 62,000 ล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นว่าวัฏจักรการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI ยังอยู่ในขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
ด้วยผลงานและการประเมินแนวโน้มที่สูงเกินคาดนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้น Nvidia พุ่งขึ้นแล้วมากกว่า 5% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ และส่งผลให้หุ้นเทคจำนวนมากปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับ Nvidia โดยตรง อย่างเช่น TSMC ที่รับจ้างผลิตชิปให้ Nvidia
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ราคาหุ้น Nvidia ที่ปรับตัวขึ้นนี้ก็ยังไม่กลับไปแตะ 200 ดอลลาร์สหรัฐ และยังค่อนข้างไกลจากระดับราคาสูงสุดตลอดกาล (all-time high) ที่ 212.19 ดอลลาร์สหรัฐ และราคาปิดตลาดสูงสุด 207.04 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2025
