Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ข้อมูลเทคนิคแย่ นักวิเคราะห์ชี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯกำลังปรับฐานเต็มรูปแบบ
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ข้อมูลเทคนิคแย่ นักวิเคราะห์ชี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯกำลังปรับฐานเต็มรูปแบบ

18 พ.ย. 68
13:38 น.
แชร์

สัญญาณเตือนภัยครั้งสำคัญกำลังดังขึ้นในวอลล์สตรีท เมื่อนักวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างชี้ว่า การปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯอาจไม่ใช่แค่การพักฐานชั่วคราว แต่กำลังเข้าสู่ภาวะ ‘การปรับฐาน’ (correction) อย่างเต็มรูปแบบ หรือปรับลดลงจากจุดสูงสุดครั้งล่าสุด 10% เป็นอย่างน้อย

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า การเทขายครั้งใหญ่เมื่อวันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2025 ทำให้ดัชนี S&P 500 ลดลงจุดสูงสุดครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2025 ถึง 3.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่การร่วงลงอย่างรุนแรงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมา อีกทั้ง ดัชนี S&P 500 ยังปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (EMA50) เป็นครั้งแรกในรอบ 139 เซสชันการซื้อขาย เป็นการจบสถิติช่วงเวลาการซื้อขายเหนือเส้น EMA50 ที่ยาวนานเป็นอันดับ 2 ของศตวรรษที่ 21

นอกจากนั้น ดัชนี S&P 500 ยังร่วงลงมากกว่า 50 จุด จนทะลุผ่านระดับ 6,725 ซึ่งเป็นระดับที่ ลี คอปเปอร์สมิท (Lee Coppersmith) กรรมการผู้จัดการ โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป (Goldman Sachs Group) ระบุไว้ว่า เป็นจุดพลิกผันที่สามารถทำให้กองทุนเชิงปริมาณ (Quant Fund) ประเภท CTA ที่ติดตามดัชนีอ้างอิง เปลี่ยนสถานะจาก ‘ผู้ซื้อ’ เป็น ‘ผู้ขาย’ ได้ ซึ่งส่งผลให้มีแรงเทขายขนาดใหญ่ในตลาด

“มีความเสียหายมากมายเกิดขึ้นภายใต้พื้นผิวของตลาด” แดน รุสโซ (Dan Russo) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนร่วมและผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ โปโตแมค ฟันด์ แมเนจเมนต์ (Potomac Fund Management) กล่าว และเขาอธิบายว่า การที่ดัชนีหลุดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน จะน่ากังวลมากยิ่งขึ้น หากเกิดขึ้นพร้อมกับการเสื่อมถอยอย่างต่อเนื่องในมิติความกว้างของตลาด โดยมีหุ้นจำนวนมากขึ้นที่ทำจุดต่ำสุดใหม่ และนั่นจะส่งสัญญาณว่าจะมีแรงขายตามมาอีก

จอห์น โรก (John Roque) หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิคของ 22V Research กล่าวว่า ดัชนี Nasdaq Composite ก็กำลังส่งสัญญาณความไม่สวยงามของตลาดเช่นกัน เขาอธิบายว่า หุ้นกว่า 3,300 ตัวในดัชนี มีจำนวนที่ซื้อขายที่จุดต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ มากกว่าจำนวนหุ้นที่ซื้อขายที่จุดสูงสุด ซึ่งเป็นสัญญาณของความอ่อนแอภายในของตลาด ซึ่งทำให้ไม่น่าจะเกิดการพุ่งขึ้นอีกในช่วงต่อไป 

โรกกล่าวอีกว่า หากยังไม่เห็นชัดเจนในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน ตอนนี้ก็น่าจะเห็นกันแล้วว่าตลาดกำลังเกิดการปรับฐาน และเขาแนะนำให้นักลงทุนจัดตำแหน่งการลงทุนในหุ้นเชิงตั้งรับ เพราะเขาคาดว่าดัชนี Nasdaq Composite ซึ่งลดลงแล้วมากกว่า 5% จากจุดสูงสุดครั้งล่าสุด จะยังลดลงต่อไปจนถึง 8% ก่อนที่จะทดสอบแนวรับที่ประมาณ 22,000 จุด 

แดน วอนทรอบสกี (Dan Wantrobski) นักกลยุทธ์ทางเทคนิคและรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ แจนนีย์ มอนต์โกเมอรี สก็อตต์ (Janney Montgomery Scott) กล่าวว่า การที่ดัชนี S&P 500 สิ้นสุดการซื้อขายเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ส่งสัญญาณว่าอาจมีความผันผวนมากขึ้นในเร็วๆ นี้ 

“การปรับฐานในตลาดหุ้นกำลังเกิดขึ้น และผมคิดว่าดัชนี S&P 500 จะร่วงลงอีกจากจุดนี้” วอนทรอบสกีกล่าว พร้อมเสริมว่าดัชนี S&P 500 อาจร่วงลงมากถึง 5% ถึง 10% ภายในปลายเดือนธันวาคมนี้ และเขาบอกอีกว่า สุขภาพภายในของตลาดแย่มาก ตลาดหุ้นอยู่ในสถานะที่เปราะบาง ดังนั้น จะดีกว่าถ้าดัชนี S&P 500 ปรับฐานลงเล็กน้อยในตอนนี้ หากไม่เช่นนั้น ความเปราะบางจะส่งผลให้เกิดการร่วงลงอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นในต้นปีหน้า

นักลงทุนสายกระทิงที่ต้องการให้ราคาหุ้นดีดตัวกลับขึ้นไป จะไม่เห็น CTAs เข้ามาซื้อหุ้นเพื่อช่วยพยุงตลาดเหมือนที่ในช่วงขาขึ้นแล้ว เพราะโดยปกติแล้ว CTAs จะเข้าซื้อเมื่อดัชนีเพิ่มขึ้นและขายเมื่อราคาลดลง

แม็กซ์เวลล์ กรินาคอฟฟ์ (Maxwell Grinacoff) นักกลยุทธ์ด้านตราสารอนุพันธ์หุ้นของกลุ่มธนาคารยูบีเอส (UBS Group AG) คาดว่า ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า CTAs จะเริ่มลดความเสี่ยง โดยการขายหุ้นที่ถืออยู่ในปัจจุบัน 20% และอาจเทขายมากขึ้นถึงสามเท่า หากเกิดกรณีเลวร้ายที่ดัชนีหุ้นทั่วโลกลดลง 5% หรือหากดัชนี S&P 500 ร่วงลงต่ำกว่า 6,500 จุด 

นอกจากจุดอ่อนทางเทคนิคในกราฟที่เป็นหัวข้อสนทนาในตลาดแล้ว ปัจจัยพื้นฐานก็อาจจะกลับมาปรากฏอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากผู้ค้าปลีกรายใหญ่อย่าง วอลมาร์ท (Walmart) โฮม ดีโปต์ (Home Depot) และทาร์เก็ต (Target Corp.) จะรายงานผลการดำเนินงานและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับช่วงเวลาชอปปิงในช่วงเทศกาลวันหยุดที่กำลังจะมาถึง และเอ็นวิเดีย (Nvidia) เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายสุดท้ายที่จะรายงานผลประกอบการในวันที่ 19 พฤศจิกายน 

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานรัฐที่ไม่ได้เผยแพร่มาเจ็ดสัปดาห์ ก็จะเริ่มทยอยรายงานออกมา ขณะที่เศรษฐกิจกำลังแสดงสัญญาณชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดแรงงาน และผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อต่ำก็ดูเหมือนจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่จะส่งผลต่อตลาดหุ้น

อย่างไรก็ตาม หากมองผลงานของตลาดเป็นภาพทั้งปี ดัชนี S&P 500 ยังคงเพิ่มขึ้นมากกว่า 13% และดัชนี Nasdaq Composite ก็ยังคงเพิ่มขึ้นเกือบ 18% ดังนั้น ปี 2025 ยังคงเป็นปีที่แข็งแกร่งสำหรับหุ้น แม้ว่าในช่วงปลายปีราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยก็ตาม

แซม สโตวอลล์ (Sam Stowall) หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA แสดงความเห็นว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่มีการหมุนเวียนเงินลงทุนออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ไปสู่หุ้นกลุ่มการดูแลสุขภาพและสาธารณูปโภค ซึ่งทำผลงานดีกว่าตลาดนั้น น่าจะช่วยลดฟองสบู่หรือความร้อนแรงที่สั่งสมมานานในกลุ่มหุ้นเติบโต อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่า สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ดัชนีผันผวนอย่างหนัก แต่ในขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นที่จะเรียกได้ว่าเป็นการ pullback (การหลุดแนวรับแล้วไม่สามารถทะลุกลับขึ้นไปได้)

ในทำนองเดียวกัน เน็ด เดวิส รีเสิร์ช (Ned Davis Research) อธิบายว่า การเทขายหุ้นเมื่อเร็วๆ นี้ยังจำกัดวงเพียงพอที่จะรักษาโอกาสการฟื้นตัวเอาไว้ได้ แต่ยิ่งตลาดพักฐานนานเท่าใด ก็มีความเสี่ยงสูงขึ้นที่การพักตัวจะนำไปสู่การเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง 

แชร์
ข้อมูลเทคนิคแย่ นักวิเคราะห์ชี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯกำลังปรับฐานเต็มรูปแบบ