บมจ.มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) เตรียมเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อระดมทุนสูงสุดถึง 5.6 พันล้านบาท หรือประมาณ 173 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นการเสนอขายหุ้นที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalisation) สูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยกำหนดช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นระหว่าง 8.30-8.60 บาทต่อหุ้น เปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 20-22 ตุลาคม 2568 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2568
บมจ.มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) หรือ “MR. D.I.Y.” ผู้นำในธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไป ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “MRDIYT” เตรียมเสนอขายหุ้น IPO ที่มูลค่าสูงสุดถึง 5.6 พันล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ (Cornerstone Investors) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้แก่ BBL Asset Management, InnovestX Securities Company Limited, FIL Investment Management, Lion Global และ Fiera Capital (UK) ซึ่งการตอบรับจากนักลงทุนชั้นนำเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของบริษัทในระยะยาว
MR. D.I.Y. วางกลยุทธ์การขยายสาขาเชิงรุกทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ไม่น้อยกว่า 500 แห่งภายในระยะเวลา 3 ปี ระหว่างปี 2568-2570 เพื่อขยายส่วนแบ่งตลาดและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น บริษัทให้ความสำคัญกับการรักษาจุดยืน “Always Low Prices” หรือ “ราคาถูกคุ้มเสมอ” ผ่านการจำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการในชีวิตประจำวัน และตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกเข้าถึง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ในราคาย่อมเยาและคุ้มค่าอย่างแท้จริง
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 ระบุว่า ปัจจุบัน MR. D.I.Y. มีร้านค้าทั้งหมด 1,027 สาขา ครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็นสาขาภายในห้างสรรพสินค้าจำนวน 290 สาขา หรือคิดเป็น 28.2% ของทั้งหมด และสาขาในรูปแบบ ร้านนอกศูนย์การค้า (Standalone) อีก 737 สาขา หรือ 71.8% ของเครือข่ายทั้งหมด
ในอนาคต บริษัทมีแผนขยายสาขาร้านนอกศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมี ต้นทุนค่าเช่าที่ต่ำกว่า และพื้นที่ร้านกว้างขวางกว่า เหมาะกับการจัดวางสินค้าได้ครบหมวดหมู่ อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทสามารถ ขยายการเข้าถึงพื้นที่ที่ไม่มีห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์การค้าขนาดใหญ่ได้มากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ที่ยังขาดแคลนร้านค้าประเภทนี้ (underserved markets) อย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ บริษัทมีแผนลงทุนมูลค่า 4.5 พันล้านบาท เพื่อก่อสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติขนาดใหญ่แห่งใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าและการจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain) ให้สามารถรองรับการเติบโตของเครือข่ายร้านค้ากว่า 1,500 สาขาหลังปี 2570 ทั้งยังเป็นการเสริมขีดความสามารถในการควบคุมต้นทุนและการดำเนินงานอย่างยั่งยืนในอนาคต
นายเอเดรียน ออง ประธานกรรมการ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า MR. D.I.Y. เป็นเครือข่ายค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีขนาดใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย ด้วยพันธกิจในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทั่วประเทศ ผ่านสินค้าที่ครบครัน ครอบคลุมทุกความต้องการในแต่ละวัน และจำหน่ายในราคาที่คุ้มค่าที่สุด บริษัทนำเสนอสินค้ามากกว่า 16,000 รายการ ครอบคลุม 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ เครื่องใช้ในครัวเรือนและของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และเครื่องมือช่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา ของเล่น และสินค้าเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ
นายเอเดรียนกล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อย่อ “MRDIYT” ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการเสริมสร้างความโปร่งใสทางธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล (Corporate Governance) และยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้นในระดับประเทศและภูมิภาค การจดทะเบียนในตลาดทุนยังเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนแผนการเติบโตเชิงรุกของบริษัท ทั้งในด้านการขยายสาขา การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และการยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าให้สะดวก รวดเร็ว และทันสมัยยิ่งขึ้น
ขณะที่ นายแอนดี้ ชิน กวานกุ้ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ ระบุว่า ตลาดค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ามูลค่าตลาดจะขยายจาก 1.826 แสนล้านบาทในปี 2567 เป็น 2.378 แสนล้านบาทภายในปี 2572 หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.4 ต่อปี (CAGR) ขณะที่กลุ่มผู้ค้าปลีกในรูปแบบเชน (Chain Retailer) เช่น MR. D.I.Y. กำลังเติบโตในอัตราที่สูงกว่าตลาดรวม โดยมี CAGR ถึง 15.3%
นายแอนดี้กล่าวว่า ปัจจุบัน MR. D.I.Y. ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 9% ซึ่งแม้จะสะท้อนถึงฐานธุรกิจที่มั่นคง แต่บริษัทยังมีศักยภาพอีกมากในการขยายส่วนแบ่งในตลาดที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต โดยอ้างอิงข้อมูลจากรายงานของ Frost & Sullivan ระบุว่า MR. D.I.Y. เป็นผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีการเติบโตเร็วที่สุดและครองความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไปในประเทศไทย บริษัทมีจุดแข็งในด้านยุทธศาสตร์การขยายสาขาอย่างรวดเร็ว และการสร้างจุดขายในฐานะ “One-stop Destination” ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากความประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และโครงสร้างการดำเนินงานที่เน้นการใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็น
ในด้านผลประกอบการ ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 16,200 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 28% และมีกำไรสุทธิ 1,700 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีราว 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 บริษัททำรายได้แล้ว 9,406.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 7,516.5 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ความแข็งแกร่งด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริหารต้นทุนอย่างมีระบบ ทำให้ MR. D.I.Y. สามารถรักษาการเติบโตของผลกำไรได้อย่างยั่งยืน พร้อมวางรากฐานสำหรับการขยายสาขาใหม่ การลงทุนในคลังสินค้าอัตโนมัติ และการยกระดับระบบกระจายสินค้าเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์หลัก เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) และหนังสือชี้ชวน (Prospectus) ของ “บมจ. มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย)” เรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นอยู่ที่ 8.30-8.60 บาทต่อหุ้น
นักลงทุนรายย่อยสามารถจองซื้อหุ้นได้ระหว่างวันที่ 20-22 ตุลาคม 2568 และราคาขายสุดท้ายซึ่งจะกำหนดจากกระบวนการ Book-building จะประกาศภายในวันที่ 24 ตุลาคม 2568 คาดว่าหุ้นจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2568
การเสนอขายหุ้นในครั้งนี้จะช่วยให้ MR. D.I.Y. ระดมทุนได้สูงสุดราว 5.6 พันล้านบาท คิดเป็นมูลค่าตลาดสูงสุดหลังเพิ่มทุนประมาณ 5.71 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับเป็น IPO ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2565 โดยสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพการเติบโตของบริษัททั้งในเชิงธุรกิจและการบริหารจัดการ
ด้านนายกนต์ธีร์ ประเสริฐวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า การเสนอขายหุ้นสามัญของ MR. D.I.Y. มีจำนวนรวมไม่เกิน 655,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 10.9% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังการเพิ่มทุน แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ไม่เกิน 420,000,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมไม่เกิน 235,000,000 หุ้น
เงินที่ได้รับจากการระดมทุนจะนำไปใช้เพื่อพัฒนาและขยายสาขา สร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งใหม่ ชำระคืนเงินกู้กับสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของ MR. D.I.Y. ทั้งในด้านโมเดลธุรกิจ ความสามารถในการทำกำไร และวิสัยทัศน์ระยะยาว โดยมีรายชื่อที่ปรึกษาและผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ดังนี้
การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้ชื่อย่อ “MRDIYT” จึงไม่เพียงเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในด้านการระดมทุน แต่ยังเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ MR. D.I.Y. ในการเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านรายใหญ่ของประเทศไทย ที่พร้อมขับเคลื่อนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและต่อเนื่องในอนาคต ทั้งในมิติของรายได้ กำไร และการขยายเครือข่ายร้านค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ