คอคาร์บอน หรือ โรคผิวหนังช้าง ขัดๆ ถูๆ ไม่ออก เปิดวิธีแก้ ส่วนใหญ่หายเลย
หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นผิวหนังบริเวณคอที่ดูคล้ำหนาเป็นตะปุ่มตะป่ำ คล้ายรอยเปื้อนที่ขัดยังไงก็ไม่ออก ซึ่งหลายคนเรียกกันติดปากว่า “คอคาร์บอน” จริงๆ แล้วภาวะนี้คือ ผิวหนังช้าง หรือในชื่อทางการคือ Acanthosis nigricans ซึ่งเกิดจากผิวหนังหนาขึ้นและสร้างเมลานินเพิ่มขึ้น จนทำให้สีผิวบริเวณนั้นดูคล้ำกว่าปกติ ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพภายในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับ “ดื้ออินซูลิน” ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบเมตาบอลิซึมและสุขภาพโดยรวมอย่างมาก
ล่าสุด Tensia เพจดังเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ออกมาชี้ทางสว่าง คอคาร์บอนหายได้ ทำตาม 13 ข้อ คำแนะนำต่อไปนี้ ส่วนใหญ่จะหายเลย
"ภาพนี้มักจะเรียกกันว่า คอคาร์บอน แต่ชื่อเป็นทางการคือ ผิวหนังช้าง (Acanthosis nigricans) ขัดยังไงก็ไม่ออกนะคะ เพราะมันเป็นผิวหนังหนาขึ้นมาจริงๆ จากภาวะดื้ออินซูลิน ต้องควบคุมน้ำหนักสถานเดียวค่ะ
เมื่อไม่ดูแลสุขภาพมานาน กินจนรับพลังงานเกินตลอด + ไม่ออกกำลังกาย แถมบางคนมีกรรมพันธุ์ชงมาอีก
สุดท้ายเนื้อเยื่อไขมันจะขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ผิวหนัง (SAT) และในร่างกาย (VAT) เซลล์จะเบียดกันเองจน stress แล้วหลั่งสารก่ออักเสบออกมาเรื้อรัง
สารก่ออักเสบที่ออกมามากมาย จะสุมไฟให้ตับ - กล้ามเนื้อ - และตัวเซลล์ไขมันเอง อยู่ในสภาวะพร้อมรบตลอดเวลา ซึ่งสภาวะเหล่านี้ มันจะ ‘ไม่ฟังคำสั่งอินซูลิน’ ผลคือ
• ตับสร้างน้ำตาลมากขึ้น
• กล้ามเนื้อและเซลล์ไขมัน ไม่ยอมนำน้ำตาลเข้า
• ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงลอย
เรียกภาวะนี้ว่า ‘ดื้ออินซูลิน’ แต่ตับอ่อนผู้สร้างอินซูลินไม่ยอมแพ้ หลั่งอินซูลินออกมามากขึ้น ผลคือ
• เซลล์ผิวหนังที่ยังฟังอินซูลินอยู่ โดนกระตุ้นแรงเลย
• สารชื่อ IGF-I ที่เกาะกับโปรตีนในเลือด สลัดออกมาใช้งานมากขึ้น
ทำให้ผิวหนังบริเวณคอพับ โดยเฉพาะต้นคอ
• แบ่งตัวมากขึ้นจนหนาเป็นตะปุ่มตะป่ำ
• สร้างเมลานินมาขึ้นจนคล้ำมาก กลายเป็นผื่นดำดังภาพ
ตอบ : ควบคุมน้ำหนักค่ะ ส่วนใหญ่จะหายเลย
• ควบคุมการกิน อย่ากินพลังงานเกินติดต่อกัน
• เปลี่ยนคาร์บทั่วไป เป็นคาร์บเชิงซ้อน
• เพิ่มโปรตีนให้เพียงพอ, พยายามเลือกไขมันดี
• พยายามให้มีช่วง fasting เสมอ อย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ต้องกินอะไรระหว่างมื้อหลัก โดยเฉพาะจากมื้อสุดท้ายข้ามคืนไปจนถึงมื้อเช้า หรือใครจะทำ IF ก็แล้วแต่คน
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ (อ่านต่อย่อหน้าถัดไป)
• นอนหลับให้เพียงพอ 6-9 ชม. และคุณภาพดี หากมีนอนกรนต้องรีบรักษา
• ลดความอ้วน ระวังอ้วนแฝง มักจะมาแนว BMI ปริ่มๆ แต่ไขมันในช่องท้องเยอะแล้ว
• รักษาสุขภาพจิตเสมอ เช็คตัวเองว่าเริ่มมีโรคซึมเศร้ารึยัง พบจิตแพทย์
• งดบุหรี่ ปรึกษาแพทย์ได้ถึงโปรแกรมที่ช่วยให้เลิกได้ถาวร
• งดสุราทุกชนิด นานๆ ดื่มทีได้ แต่ไม่ควรมีช่วงดื่มอัดเยอะ ถ้าจะดื่มทุกวัน ไม่ควรเกิน 1 หน่วยมาตรฐาน(ในหญิง) หรือ 2 หน่วยมาตรฐาน(ในชาย) แต่ความเสี่ยงบางโรคก็ยังสูงกว่าคนไม่ดื่มอยู่ดี
• เลี่ยง PM2.5 ในวันที่ขึ้นสูงมาก
• ตรวจสุขภาพเสมอ เพราะเราไม่รู้เลยว่าอะไรเปลี่ยนไปบ้างแล้วค่ะ
• หากเป็นโรคประจำตัวแล้ว พวกเบาหวาน ความดัน ไขมันสูง ยิ่งต้องเคร่งครัดและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ประจำตัวนะคะ
• ออกกำลังกายแบบ Aerobic ระดับปานกลาง เช่น วิ่งจ็อกกิ้ง, เดินเร็ว, ปั่นจักรยาน ที่ทำจนมีช่วงรู้สึกเหนื่อย ทำอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ เฉลี่ยประมาณ 30 นาที/วัน ประมาณ 5 วัน ถ้าได้โดสนี้แล้ว ควรเพิ่มระยะเวลาเป็น 300-600 นาที/สัปดาห์ หรือเพิ่มความหนักขึ้นแต่เวลาเท่าเดิม
• ออกกำลังกายแบบ Strength เช่น สควอท อาจจะเริ่มจากลุก-นั่งจากเก้าอี้ช้าๆ , ท่าวิดพื้นแต่ทำกับผนัง อย่างน้อย 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ ถ้าเริ่มคล่องแล้ว สามารถค้นท่า “body weight” ได้จากอินเตอร์เน็ตได้ หรือเข้ายิมก็ได้ แต่ถ้าจะเล่นหนักขึ้น อาจต้องศึกษาเพิ่มเติมค่ะ
• จุดสำคัญที่สุดของการเริ่มต้น ไม่ใช่วิธีการที่ซับซ้อน ขุดตัวเองมาออกต่อเนื่อง ให้เป็นพฤติกรรมถาวรให้ได้ จนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตค่ะ
• อย่าลืมประเมินศักยภาพตัวเอง ห้ามหักโหม ถ้าจะเพิ่มความหนักต้องค่อยๆ เพิ่ม ดื่มน้ำทดแทนเสมอให้เพียงพอ และต้องมีวันพักให้ร่างกายฟื้นฟู
ทุกอย่างแก้ได้ แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ถ้าไม่เริ่มซักที มันก็จะอยู่แบบนั้นค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกท่าน"
Advertisement