Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ยาลดน้ำหนักกำลังบูมในอินเดีย ประเทศที่มีผู้ป่วยโรคอ้วนอันดับ 2 ของโลก
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ยาลดน้ำหนักกำลังบูมในอินเดีย ประเทศที่มีผู้ป่วยโรคอ้วนอันดับ 2 ของโลก

4 พ.ย. 68
10:59 น.
แชร์

สายโทรศัพท์ดังขึ้นแทบไม่หยุดที่คลินิกของดร.ราหุล บักซี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานในมุมไบ และไม่ใช่แค่จากผู้ป่วยที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้เท่านั้น แต่ยังมาจากคนหนุ่มสาวที่ถามคำถามเหมือนกันว่า คุณหมอ คุณช่วยเริ่มให้ยาลดน้ำหนักหน่อยได้มั้ย? 

อย่างเมื่อไม่นานมานี้ มีผู้ชายอายุ 23 ปีคนหนึ่งเข้ามาปรึกษา เพราะกังวลกับน้ำหนักที่ขึ้นมากว่า 10 กิโลกรัมหลังเข้าเริ่มทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง โดยเขาบอกกับดร.ราหุลว่า เพื่อนคนหนึ่งที่ยิมของเขาเริ่มฉีดยาลดน้ำหนักอยู่

แต่ดร.บักซี ปฏิเสธ พร้อมถามกลับว่า แล้วหลังจากคุณลดน้ำหนักได้ 10 กิโล คุณจะทำอย่างไรต่อ? เพราะถ้าหยุดยา น้ำหนักก็จะกลับมา ถ้าใช้ต่อไปโดยไม่ออกกำลังกาย คุณก็จะเริ่มสูญเสียกล้ามเนื้อ ยาพวกนี้ไม่สามารถแทนที่การกินอาหารหรือการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตให้เหมาะสมได้

บทสนทนาเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกระแสยาลดน้ำหนักกำลังบูมในเมืองใหญ่ของอินเดีย ประเทศที่มีประชากรน้ำหนักเกินมากเป็นอันดับสองของโลก และมีผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 กว่า 77 ล้านคน

ด้วยวัตถุประสงค์ดั้งเดิมแล้ว ยาเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรักษาเบาหวาน แต่ปัจจุบันกลับถูกยกให้เป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ในการลดน้ำหนัก เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ายาใด ๆ ที่เคยมีมา

 อย่างไรก็ตาม ความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็ทำให้เกิดคำถามมากมาย ทั้งความจำเป็นของการใช้ภายใต้การดูแลแพทย์ ไปจนถึงความเสี่ยงจากการใช้ผิดวัตถุประสงค์ และเส้นแบ่งระหว่าง “การรักษา” กับ “การเสริมภาพลักษณ์ชีวิต”

ยาช่วยคุมความอยากอาหาร แต่ก็มีผลข้างเคียง

ดร.อานุป มิสรา ผู้อำนวยการศูนย์ Fortis-C-DOC แห่งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเบาหวาน โรคเมตาบอลิซึม และต่อมไร้ท่อในนิวเดลีเปิดเผยว่า นี่คือยาลดน้ำหนักที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา ยาหลายตัวมาแล้วก็ไป แต่ไม่มีตัวไหนเทียบได้กับยากลุ่มนี้

สำหรับยาชนิดใหม่สองตัวที่กำลังขยายตัวในตลาดยาลดน้ำหนักของอินเดียในขณะนี้ได้แก่

  • เซมากลูไทด์ (semaglutide) ของบริษัทยาเดนมาร์ก Novo Nordisk ซึ่งจำหน่ายในชื่อ Rybelsus (แบบเม็ด) และ Wegovy (แบบฉีด) ส่วน Ozempic (แบบฉีด) ได้รับอนุมัติใช้สำหรับเบาหวานในอินเดียแล้ว แต่ยังไม่วางขายเพื่อการลดน้ำหนัก
  • ไทรเซพาไทด์ (tirzepatide) ของบริษัทยาสัญชาติอเมริกัน Eli Lilly วางจำหน่ายในชื่อ Mounjaro ซึ่งเดิมใช้รักษาเบาหวาน แต่ในอินเดียกำลังถูกนำมาใช้เพื่อลดน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ยาทั้งสองชนิดจัดอยู่ในกลุ่ม GLP-1 drugs หรือยาที่เลียนแบบฮอร์โมนธรรมชาติที่ช่วยควบคุมความอยากอาหาร ซึ่งยาจะทำงานโดยชะลอการย่อยอาหารและส่งสัญญาณไปยังสมอง เพื่อทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและอิ่มนานขึ้น ส่วนใหญ่ฉีดสัปดาห์ละครั้งบริเวณแขน ต้นขา หรือหน้าท้อง

นอกจากยาทั้งสองชนิดช่วยลดความอยากอาหาร ในกรณีของ Mounjaro ยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญและสมดุลพลังงานในร่างกายอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แพทย์เตือนว่า ผู้ใช้จำนวนมากจะกลับมาอ้วนอีกภายในหนึ่งปีหลังหยุดยา เนื่องจากร่างกายจะต่อต้านการลดน้ำหนักและความอยากอาหารแบบเดิมจะกลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้ การใช้ยาเป็นเวลานานโดยไม่ออกกำลังกายหรือฝึกกล้ามเนื้อ อาจทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปพร้อมกับไขมันได้

ไม่ใช่ทุกคนที่จะตอบสนองต่อยากลุ่ม GLP-1 และส่วนใหญ่จะลดน้ำหนักได้สูงสุดราว 15% ของน้ำหนักตัวก่อนที่ผลลัพธ์จะคงที่ ส่วนผลข้างเคียงที่พบได้มีตั้งแต่คลื่นไส้ ท้องเสีย ไปจนถึงอาการที่พบได้ยาก เช่น นิ่วในถุงน้ำดี ตับอ่อนอักเสบ และการสูญเสียกล้ามเนื้อ

อาหารอินเดีย สาเหตุทำให้อ้วน

อาหารของชาวอินเดียนั้นมีคาร์โบไฮเดรตสูงและโปรตีนต่ำอยู่แล้ว ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิด “โรคอ้วนที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อย” (sarcopenic obesity) ซึ่งหมายถึงการที่ร่างกายมีไขมันมากขึ้นแต่กล้ามเนื้อลดลง และหากลดน้ำหนักโดยรับประทานโปรตีนไม่เพียงพอหรือไม่ออกกำลังกาย ก็จะยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้น

ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Pharmarack ระบุว่า ตลาดยาลดความอ้วนของอินเดียเติบโตอย่างรวดเร็ว จากมูลค่า 16 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 100 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน หรือเพิ่มขึ้นมากกว่าหกเท่าภายในเวลาเพียงห้าปี

BBC

แชร์
ยาลดน้ำหนักกำลังบูมในอินเดีย ประเทศที่มีผู้ป่วยโรคอ้วนอันดับ 2 ของโลก