ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญแรงกดดันจาก ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งมีผลต่อทั้งเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน SCB CIO ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองกับ BlackRock ยักษ์ใหญ่การลงทุนระดับโลก และมองว่าปีนี้ยังมีโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จัดพอร์ตอย่างมีกลยุทธ์
ภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลกยังมีจุดที่น่าเป็นห่วงหลังเผชิญความท้าทายจากภาษีการค้าของสหรัฐฯ เช่น ตลาดแรงงานสหรัฐฯเริ่มชะลอชัด ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค. เพิ่มเพียง 104,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดเชื่อว่า Fed อาจต้อง ลดดอกเบี้ย 1–2 ครั้งในปีนี้ โดยมีโอกาสขยับครั้งแรกเดือนกันยายน แต่แรงกดดันจากภาษีนำเข้าและเงินเฟ้ออาจทำให้การผ่อนคลายทางการเงินไม่ได้รวดเร็วอย่างที่หลายฝ่ายหวัง
SCB CIO มองว่า ประเทศต่างๆจะออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจของตัวเองมากขึ้น อย่าง สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ต่างเดินหน้า นโยบายการคลังแบบกระตุ้นเต็มสูบ เช่น สหรัฐฯ เพิ่งผ่านกฎหมาย One Big Beautiful Bill (OBBBA) ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและขยายเพดานหนี้อีก 5 ล้านล้านดอลลาร์ แม้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ทำให้หนี้สาธารณะและภาระดอกเบี้ยพุ่งแรง
อีกประเด็นที่ต้องจับตาคือ กฎหมาย GENIUS Act ของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เปิดทางให้ stablecoin ถูกใช้ชำระราคาถูกต้องตามกฎหมาย หากใช้กันวงกว้างจะเพิ่มอุปสงค์ต่อพันธบัตรสหรัฐฯ อายุสั้น (T-bills) และช่วยบรรเทาปัญหาการขาดดุลงบประมาณได้บ้าง แต่ก็อาจสร้างความผันผวนในตลาดดอกเบี้ยระยะสั้นไปพร้อมกัน
ด้านเยอรมนีเดินหน้าร่างงบปี 2569 ด้วยวงเงินลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 520.5 พันล้านยูโร เพิ่มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและกลาโหม แม้จะทำให้พันธบัตรระยะยาวถูกกดดัน แต่ก็ช่วยหนุนเศรษฐกิจยุโรปในภาพรวม ด้านญี่ปุ่นได้แรงหนุนจากนโยบายการคลังผ่อนคลาย การลดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และการปฏิรูปบรรษัทภิบาล ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นน่าสนใจขึ้น
แม้ไทยอาจได้แรงบวกจากการที่ กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนยังถูกปรับลดลงต่อเนื่อง ทำให้ SCB CIO มองว่าตลาดหุ้นไทยน่าสนใจน้อยกว่าประเทศอื่น
สรุปได้ว่า SCB CIO และ BlackRock เห็นตรงกันว่า แม้เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยแรงกดดันจากภาษีนำเข้าและหนี้สาธารณะ แต่ยังมี “โอกาสลงทุน” โดยเน้นพอร์ตหลักไปที่ หุ้นสหรัฐฯ–ญี่ปุ่น–จีน–อินเดีย และทองคำ เสริมด้วย หุ้นเกาหลีใต้–จีน H-Share–Nasdaq และธีม AI