ในบรรดาเชนร้านกาแฟที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ต้องยอมรับว่า กาแฟพันธ์ุไทยเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นจากการเติบโตที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนผ่านรายได้ไตรมาส 2 และ ครึ่งแรกของปี 68 ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกิน 100% ขยายตัวมากกว่าแบรนด์คู่แข่งอย่างชัดเจน
SPOTLIGHT พาไปถอดความสำเร็จของกาแฟพันธุ์ไทยรวมถึงสำรวจผลประกอบการของธุรกิจภายใต้ PTG ล่าสุดกัน
ก่อนอื่นมาดูภาพรวมของธุรกิจที่อยู่ภายใต้ PTG หรือ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี กันก่อนถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักคือ
1.Oil หรือ ธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งเราเรียกกันแบบคุ้นเคยว่า ปั้มPT
2.Non Oil หรือ ธุรกิจในกลุ่มร้านอาหาร-เครื่องดื่ม และ อื่นๆ ซึ่งมีทั้งรูปแบบเปิดให้บริการอยู่ในปั้มน้ำมัน และ นอกปั้มน้ำมัน
ผลประกอบการรวมครึ่งแรกของปี 2568 พบว่า PTG มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 113,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.0% YoY มี EBITDA อยู่ที่ 3,236 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 0.5% กำไรสุทธิอยู่ที่ 498 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 31.9%
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ความน่าสนใจคือการเติบโตของธุรกิจในฝั่ง Non-Oil เติบโตแบบก้าวกระโดด จนกลายเป็นจุดเด่นของบริษัทในปีนี้ และพระเอกที่ทำให้ธุรกิจฝั่ง Non-Oil โตแรงก็มาจาก กาแฟพันธ์ุไทย นั่นเอง
การเติบโตมาจากทั้งการขยายสาขาในทำเลศักยภาพ การออกแบบร้านให้ทันสมัย และการพัฒนาเมนูเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์พร้อมทางเลือกปรับแต่งตามใจลูกค้า
จากผลประกอบการของ PTG สะท้อนสถานการณ์การใช้พลังงานที่ลดน้อยลงตามเศรษฐกิจที่แผ่วลงไป โดยสถานีบริการน้ำมัน PT มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 22.1% ดังนั้นเครื่องยนต์ใหม่อย่างกลุ่มธุรกิจ Non Oil จึงเป็นแรงส่งสำคัญ ทำให้ทาง PTG ได้ปรับเป้าการเติบโตของรายได้ Non-Oil (ไม่รวม LPG) ปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 40-50% เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 50-60% และปรับเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นจาก 30-35% เป็น 35-40% พร้อมตั้งเป้าขยาย Touchpoints ให้ครบ 2,978 แห่งภายในสิ้นปี แบ่งเป็นร้านกาแฟพันธุ์ไทย 1,947 แห่ง และ Non-Oil Touchpoints อื่น ๆ อีก 1,031 แห่ง
มุมมองของ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG มองว่า ครึ่งปีหลังบริษัทยังคงมีศักยภาพเติบโตจากการเร่งขยายสาขาและสร้างแบรนด์ ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ควบคู่กับการต่อยอดฐานลูกค้าสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ในระบบนิเวศ Max World
และนอกจากสถานีบริการน้ำมันแล้ว PTG ยังเดินหน้าพัฒนาสถานีบริการ PT รูปแบบใหม่ นั่นก็คือ “PT GIGA EV” สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่เปิดให้บริการภายใต้แนวคิดกะทัดรัดใช้พื้นที่คุ้มค่า และเข้าถึงง่าย โดยผสานการให้บริการชาร์จไฟฟ้า EleX by EGAT PT จำนวน 5 ตู้ชาร์จ รวม 10 หัวชาร์จ รองรับกำลังอัดประจุสูงสุด 180 kW ควบคู่กับการให้บริการจากร้านกาแฟพันธุ์ไทย, Subway และ Autobacs ภายในจุดเดียว เพื่อมอบประสบการณ์แบบครบวงจรให้แก่ผู้ใช้บริการ และเชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ผ่านกลุ่มลูกค้าสมาชิก ทั้งกลุ่มผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ทั่วไป ตลอด 24 ชั่วโมง
ปัจจุบันสถานี PT GIGA EV แห่งแรกตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าว–วังหิน ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพที่มีกำลังการเติบโตของชุมชนเมือง และได้เปิดให้บริการแล้วในเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา
นี่คือรูปแบบสถานีโมเดลแห่งอนาคตที่สามารถต่อยอดไปยังทำเลอื่น ๆ เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของตลาด และสร้างโอกาสเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Oil อย่างต่อเนื่อง
ที่มา:คำอธิบายและวิเคราะห์ผลประกอบการไตรมาส2/2568 ตลาดหลักทรัพย์แห่ประเทศไทย