Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ตัวช่วยคือ..ท่ามกลางกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยถดถอย
โดย : ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ

ตัวช่วยคือ..ท่ามกลางกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยถดถอย

30 พ.ค. 68
17:34 น.
แชร์

อัตราผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยจากต้นปีถึงปัจจุบันลดลงร้อยละ 15.68 บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังไม่ฟื้นตัวหลังจากสหรัฐเปิดโอกาสให้ประเทศต่าง ๆ มีการเจรจาด้านภาษีการค้ากับตนเพื่อแก้ไขข้อพิจารณาต่าง ๆ ที่คิดว่าไม่เป็นธรรมกับบริษัทสหรัฐก่อนจะหมดเวลา 90 วันนับจากต้นเม.ย และอัตราภาษีตอบโต้จะนำมาบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม นี้ ท่ามกลางพายุใหญ่ กำไรไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียนไทยนั้นอาจไม่ได้ถูกกระทบจากอัตราภาษีสหรัฐโดยตรง (รายได้ส่งออกตรงจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยไปสหรัฐต่ำกว่าร้อยละ 5 แต่ผลกระทบทางอ้อมต่อรายได้บริษัทในห่วงโซ่อุปทานไทยนั้นชัดเจนในกลุ่มส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์รถยนต์ การท่องเที่ยว และการบริโภคในประเทศ เป็นต้น

แม้ว่าตัวเลขกำไรไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียนมีภาพทรงตัวจากช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนจากการเร่งนำเข้าสินค้าของประเทศต่าง ๆ ก่อนอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐจะประกาศ อนาคตต่อจากนี้ยังอยู่ในความไม่แน่นอน ทีมนักวิเคราะห์ หลักทรัพย์บัวหลวง ได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขกำไรไตรมาสสองลงในหลายกลุ่มธุรกิจทั้งกลุ่มธุรกิจภายในประเทศ และส่งออก จากปัจจัยความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีสหรัฐ ถึงการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลไทย ทำให้คนในประเทศไม่กล้าใช้จ่าย และเริ่มประหยัดเงินมากกว่าปกติ นักธุรกิจชะลอการลงทุนโครงการ การใช้จ่ายงบผ่านสื่อหดตัวเพื่อรอเก็บกระสุนไปเร่งใช้จ่ายอีกครั้งในช่วงก่อนเข้าสิ้นปี โดยหวังว่าทุกอย่างจะชัดเจนมากขึ้น กลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งสร้างรายได้กับประเทศคิดเป็นร้อยละ 20 ฟื้นตัวได้น้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 38 ล้านคนสำหรับปีนี้ ส่งผลต่อรายได้คนที่ทำงานในกลุ่มบริการเกี่ยวข้องกับท่องเที่ยว อาทิเช่น โรงแรม ร้านอาหาร เกษตรกร และขนส่ง เป็นต้น ทำให้สถานการณ์ถูกซ้ำเติมแย่ลงนอกเหนือจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง

ด้วยเหตุนี้ เราจึงคาดว่าผลประกอบการไตรมาสสองของตลาดหุ้นไทยจะประกาศในช่วงเดือนสิงหาคมนี้มีแนวโน้มหดตัวถ้วนหน้าเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมร้อยละ 2 เทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และหดตัวร้อยละ 10 จากกำไรในไตรมาสแรก แม้ว่านักวิเคราะห์จะมีการลดคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนลงไปแล้วกว่าร้อยละ 6 ในช่วง 5 เดือนแรก ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสซบเซาต่อเนื่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฝ่ายกลยุทธ์ของหลักทรัพย์บัวหลวงประเมินว่า สถานการณ์ในอีก 3-6 เดือน อะไรคือตัวช่วยต่อตลาดทุนไทย

1. การไต่ขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐสะท้อนความเชื่อมั่นตกต่ำของนักลงทุนต่อการจัดการหนี้สหรัฐ ช่วงนี้นักลงทุนจะจับตาการเข้าประมูลพันธบัตรชุดใหม่ที่ออกมาทดแทนพันธบัตรเดิมที่จะครบกำหนดช่วงกลางปีนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน ผสมผลกระทบต่อภาวะราคาสินค้าในสหรัฐที่กำลังปรับขึ้นรับกับอัตราภาษีนำเข้าใหม่ (สินค้าต้นทุนต่ำเริ่มหมดไป) การไต่ขึ้นของอัตราผลตอบแทนสพันธบัตรไปเรื่อย ๆ ไม่ดีแน่ต่อตลาดเงิน ตลาดทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเอเซีย และลาตินอเมริกา รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่สูงจะจูงใจให้เม็ดเงินไปลงทุนเพื่อล็อคอัตราผลตอบแทนระยะยาว ดังนั้นการประมูลพันธบัตรที่แข็งแกร่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมา และเห็นอัตราผลตอบแทนลด

2. บทบาทท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ไต่สูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ และค่าเงินสหรัฐที่อ่อนค่าลงมากกว่าปกติ อัตราผลตอบแทนสูงมากไปจะส่งผลกระทบด้านลบต่อเสถียรภาพสถาบันการเงินในสหรัฐ โดยเฉพาะตลาดอสังหาริมทรัพย์ คุณภาพหนี้ผู้กู้ซื้อบ้าน และการลงทุนเอกชน เฟดอาจตัดสินใจต้องกลับมาขยายงบดุล หรือ ทำนโยบาย QE รอบใหม่ แต่ก็จะส่งผลบวกต่อตลาดการเงินตลาดทุน

3. ประธานาธิบดีสหรัฐ ทนแรงกดดันจากประชาชนและสมาชิกพรรครีพับริกัน ได้นานแค่ไหนจากการปรับอัตราภาษีนำเข้ากับทุกประเทศทั่วโลก การยอมถอยลดท่าทีแข็งกร้าวรวมถึงความคืบหน้าการเจรจากับทีมการค้าประเทศต่าง ๆก่อนการเลือกตั้งระหว่างกาลในสหรัฐกลางปีหน้า น่าจะส่งผลดีต่อตลาดทุน ตลาดเงิน

4. จีน และญี่ปุ่นเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และการช่วยเหลือผู้ผลิตส่งออกของตนเองมากขึ้น จะช่วยผลักดันตลาดหุ้นฮ่องกง จีน ญี่ปุ่นและเอเซีย ขณะที่รัฐบาลไทยพยายามนำเสนอการกระตุ้นด้านการลงทุนจากรัฐให้มากขึ้นแทนการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ทั้งหมดก็จะส่งผลดีต่อตลาดทุนได้เช่นกัน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวลงท่ามกลางคาดการณ์แรงฉุดจากผลประกอบการไตรมาสสองไม่สวยเท่าไร แม้ว่ามูลค่าตลาดหุ้นทั้งตลาดสะท้อนการปรับลดตัวเลขคาดการณ์กำไรมาต่อเนื่อง ผมประเมินว่าความเสี่ยงของการปรับตัวลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยลึกไปกว่าจุดต่ำสุดเดิมระดับ 1062 จุด ยังคงเกิดขึ้นได้ยากสำหรับกรอบเวลา 3 เดือนจากปัจจุบัน (ประกาศใช้อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐยังไม่เกิดผล) ดังนั้น ผมประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในไตรมาสสองต่อเนื่องไปไตรมาสสาม น่าจะเป็นการแกว่งตัวออกด้านข้าง หรือ sideway ระดับ 1080-1240 จุด เรายังคงแนะให้อยู่กับกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะทนแรงเสียดทานกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สดใส คือ โรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ และ สื่อสารมือถือ รวมถึง DR-CNTECH01, HKCE01และกองทุน MEGA10CHINA ซึ่งเป็นช่องทางลงทุนในหุ้นจีนจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงที่ยังมีทิศทางกำไรเติบโตได้ดีในระดับร้อยละ 10-25 และมูลค่าหุ้นต่อกำไร หรือค่าพีอีในระดับใกล้หุ้นไทย ซึ่งผมมองว่าเป็นโอกาสปรับพอร์ตการลงทุนจากหุ้นไทยที่อาจไม่สามารถเติบโตได้ดีนักไปสู่หุ้นกลุ่มที่มีอัตราเติบโตคุณภาพดีกว่าในระดับมูลค่าใกล้กัน

กราฟ กำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทย

ที่มา ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ASPENS

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ

กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

แชร์
ตัวช่วยคือ..ท่ามกลางกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยถดถอย