สงครามการค้าส่อแววคลี่คลายลง ปิดโอกาสทองคำ สร้างนิวไฮใหม่ในระยะอันใกล้
ในปี 2025 ราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นสร้างระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยครั้งล่าสุดที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงปลายเดือนเม.ย.นับเป็นการปรับตัวขึ้นราว 33.34 % จากปีที่ผ่านมา ซึ่งถูกหนุนจากทั้งแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ตามความวิตกกังวลของสถานการณ์สงครามการค้า และความกังวลต่อความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังพบความพยายามของรัฐบาลสหรัฐในการปลดนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระในช่วงกลางปี 2026
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ดี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมาปฏิเสธที่จะปลดนายพาวเวลออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ประกอบกับพบสัญญาณเชิงบวกต่อสถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและอินเดีย รวมถึงสหรัฐและจีน นับเป็นสถานการณ์เชิงลบต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อีกทั้งหลังการปรับตัวขึ้นสร้างระดับสูงสุดที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้เกิดแรงขายทองคำทำกำไร กดดันให้ราคาทองคำมีการปรับตัวลง
เมื่อเข้าเดือนพ.ค. สงครามการค้าส่อแววผ่อนคลายลงมากยิ่งขึ้น โดยสหรัฐมีการบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับอังกฤษ รวมถึงการบรรลุข้อตกลงทางการค้าชั่วคราวระหว่างสหรัฐและจีน โดยมีการลดอัตราการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าลง 115.0% ด้วยระยะเวลา 90 วัน ส่งผลให้สินค้าจากจีนสู่สหรัฐ ถูกปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าเหลือเพียง 30.0% จาก 145.0% ขณะที่สินค้าจากสหรัฐสู่จีน ถูกปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าเหลือเพียง 10.0% จาก 125.0%
ประเด็นสงครามการค้าที่ผ่อนคลายลง หนุนการปรับตัวขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ และมีส่วนทำให้นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยง (Risk-on sentiment) เพิ่มมากขึ้น เกิดการลดสัดส่วนการถือสินทรัพย์ปลอดภัยลง ราคาทองคำจึงถูกกดดัน จากแรงขายในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่พันธบัตรสหรัฐถูกขายในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน อัตราผลตอบแทนของตราสารจึงปรับตัวขึ้น เพิ่มแรงกดดันราคาทองคำ โดยหลังจากสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวดังกล่าวได้ ทองคำเผชิญกับแรงขาย จนปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์
อย่างไรก็ดี จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังข้อมูลด้านเงินเฟ้อของสหรัฐมีทิศทางปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมุมมองเชิงลบของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังมูดี้ส์ เรทติ้งส์ มีการปรับลดความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐลงสู่ระดับ Aa1 จากเดิมที่ Aaa และความวิตกกังวลต่อประเด็นทางการคลังของสหรัฐ หลังแผนการด้านงบประมาณที่กำลังถูกพิจารณาโดยสภาสูง (Senate house) นั้น มีแนวโน้มเพิ่มหนี้สาธารณะของสหรัฐราว 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในระยะ 10 ปีข้างหน้า ซึ่งสร้างแรงกดดันให้เงินดอลลาร์ยังมีทิศทางปรับตัวอ่อนค่าลง ราคาทองคำจึงยังมีแรงหนุนให้เคลื่อนไหวในระดับสูง
อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ นักลงทุนกลับมาเพิ่มความระมัดระวังต่อการตอบสนองต่อสถานการณ์สงครามการค้า หลังทรัมป์ขู่ปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปสู่ระดับ 50.0% และมีการเร่งการบังคับใช้มาเป็นวันที่ 1 มิ.ย. แม้จะมีการเลื่อนไปวันที่ 9 ก.ค. ในภายหลัง แต่นับว่ามีส่วนเพิ่มความไม่แน่นอนของสถานการณ์สงครามการค้า ทำให้ทางซิตี้กรุ๊ปมีการปรับกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะ 3 เดือนข้างหน้า โดยประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นกลับไปแตะระดับ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ดี สถานการณ์สงครามการค้ามีแนวโน้มไม่รุนแรงเท่ากับช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับศาลสูงสุด (Supreme count) ได้มีการแถลงที่บ่งชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐไม่สามารถปลดตำแหน่งประธานเฟดได้ เช่นองค์กรอิสระแห่งอื่น อีกทั้งความเสี่ยงในประเด็นทางการคลัง กับความไม่แน่นอนในระยะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่หนุนการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ด้วยเหตุนี้ การสร้างระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ของราคาทองคำนั้น ยังคงอาจไม่เกิดขึ้นในระยะอันใกล้ แต่กระนั้น แนะนำติดตามความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าต่างๆ เพื่อประเมินสถานการณ์สงครามการค้าต่อไป
ฐิภา นววัฒนทรัพย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท YLG Bullion And Future จำกัด
